โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” JWD ฟันกำไรไตรมาส 1 โต ธุรกิจห้องเย็น-คลังสินค้าขยายตัวดี
โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" JWD ฟันกำไรไตรมาส 1 โต ธุรกิจห้องเย็น-คลังสินค้าขยายตัวดี
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD โดยนักวิเคราะห์ได้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ลงทุนระยะยาว มองผลประกอบการทั้งปีทรงตัวจากปีก่อน แม้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กดดันผลประกอบการไตรมาส 2/63 ให้เป็นช่วงต่ำสุดของปี แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายธุรกิจ
ทั้งนี้ ธุรกิจคลังเย็นได้ลูกค้าใหม่เป็นกลุ่มร้านอาหารที่ต้องหันมาให้บริการ Delivery ผลักดันอัตราการเช่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คลังสินค้าทั่วไปมีการใช้บริการเพิ่มขึ้นจากผู้ส่งออกที่ต้องเก็บสินค้านานขึ้นจากอุปสรรคของการขนส่ง ส่วนคลังเก็บสินค้าเคมีภัณฑ์ได้ลูกค้ารายใหญ่ อย่างกลุ่ม ปตท.เข้ามาเช่าใช้
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 เกิดผลกระทบต่อลูกค้ากลุ่มธุรกิจยานยนต์อย่างมีนัยสำคัญ รองลงมาเป็นคลังสินค้าทั่วไปที่แม้อัตราเช่าใช้ยังสูงแต่อาจต้องลดค่าเช่าลง ส่วนธุรกิจลานวางสินค้าอันตรายได้รับผลกระทบจากจีนปิดประเทศทำให้สินค้าผ่านเข้า-ออกชะลอลงใน เม.ย.แต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ
โดย นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายที่ 10 บาท/หุ้น โดยมองว่า หุ้น JWD เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองการลงทุนระยะยาว โดยในปีนี้คาดว่าผลประกอบการจะทรงตัวจากปีก่อน แม้ว่าจะมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากบริษัทมีการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายธุรกิจ ซึ่งธุรกิจหลักอย่างห้องเย็น และคลังสินค้า มีการเติบโตค่อนข้างดี แต่ในส่วนของยานยนต์ และลานสำหรับพักสินค้าอันตราย ได้รับผลกระทบจากการหยุดการผลิต และการขนส่งสินค้าที่ทำได้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ จากการเริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้งของอุตสาหกรรมต่างๆ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และประเทศจีนเริ่มกลับมาผลิตได้เต็มที่
ส่วน นักวิเคราห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 7.80 บาท/หุ้น คาดกำไรไตรมาส 1/63 ของ JWD ยังคงสามารถเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจคลังห้องเย็นที่มีพื้นที่ใหม่เพิ่มขึ้นจากคลังห้องเย็นอาคาร 8 ที่เปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 3/62
ประกอบกับ อัตราการใช้พื้นที่ยังสูงกว่า 85% จากลูกค้าเดิมที่สต็อกของเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารทะเลและเนื้อไก่ ประกอบกับได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปและคลังเคมี JCS เป็นผลจากมีลูกค้าทำสัญญาเช่าระยะยาวตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และลูกค้าบางส่วนมีปัญหาการส่งออก ทำให้มีสินค้าในคลังสูงขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/63 คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ภาพรวมคาดว่าจะกระทบไม่มาก เนื่องจากยังมีบางธุรกิจที่ได้รับผลบวก ได้แก่ คลังห้องเย็น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารยานยนต์ที่จะได้รับผลกระทบจากยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ที่ปรับตัวลดลง
ขณะที่คาดว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยลูกค้าจะกลับมาใช้บริการมากขึ้นหากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ และบริษัทจะเปิดให้บริการคลังห้องเย็นใหม่อาคาร 9 ในช่วงไตรมาส 4/63 เพิ่มเติมด้วย