จังหวะสอย TASCO ลุ้นผลงานไตรมาส 2 ฟื้นรับราคาน้ำมันพุ่ง-ดีมานด์เพิ่ม เป้าสูง 23.20 บ.
จังหวะสอย TASCO ลุ้นผลงานไตรมาส 2 ฟื้นรับราคาน้ำมันพุ่ง-ดีมานด์เพิ่ม เป้าสูง 23.20 บ.
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO โดยมีนักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมคาดผลประกอบการพ้นจุดต่ำสุดของปีในไตรมาส 1/63 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2/63 จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังปรับตัวลงแรงทำให้ขาดทุนสต็อกน้ำมัน
ประกอบกับ ความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้นจากการที่ภาครัฐสามารถเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ขณะที่ความต้องการในต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะในจีนและมาเลเซีย จากเคยชะลอเพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะเดียวกัน ประเด็นข้อกังวลเรื่องผลกระทบจากเชฟรอนหยุดผลิตน้ำมันในเวเนซุเอลามองว่า TASCO มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากไม่ได้รับน้ำมันดิบจากเชฟรอนเป็นหลัก อีกทั้งปัจจุบันมีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิตไปจนถึงช่วงครึ่งหลังปีนี้ จึงยังมีเวลาให้สามารถเปลี่ยนแหล่งในการหาวัตถุดิบได้
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า คาดผลประกอบการของ TASCO จะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/63 จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันฟื้นตัว หลังผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้อุปสงค์และแผนการลงทุนถูกชะลอออกไปเป็นไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป โดยเฉพาะในไทยที่จะมีการเร่งการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้อุปสงค์ในประเทศยังแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ยังอ่อนแอในไตรมาส 2/63 อาจทำให้ TASCO ต้องตั้งสำรองเพิ่มเติม แต่จะไม่มากเท่าในไตรมาส 1/63 ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน ณ สิ้นไตรมาส แต่คาดว่าผลประกอบการจะดีกว่าไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ดี คาดว่าผลประกอบการได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/63 ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ลดลง 63% จากสิ้นปีก่อน เป็น 25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ณ สิ้นไตรมาส 1/63 ทำให้ TASCO จะมีผลขาดทุนจากสต็อกราว 1.5 พันล้านบาทในไตรมาส 1/63 ขณะที่มีกำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 450 ล้านบาท
ด้านปริมาณการขายคาดอยู่ที่ 3.5 แสนตัน ลดลง 12.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 41.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 หลังอุปสงค์ในประเทศที่ลดลง และการเลื่อนส่งออกไปยังจีน ทำให้คาดผลประกอบการขาดทุน 827 ล้านบาทในไตรมาส 1/63 เทียบกับกำไร 718 ล้านบาทในไตรมาส 1/62 และ 733 ล้านบาทในไตรมาส 4/62
นอกจากนี้ประเด็นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งให้เชฟรอนยุติการผลิตน้ำมันในเวเนซุเอลาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป เพื่อกดดันรัฐบาลของเวเนซุเอลา มองว่าจะมีผลกระทบต่อ TASCO มีจำกัดในปีนี้ เนื่องจากมีน้ำมันสำรองไปจนถึงเดือน ต.ค. และเชฟรอนจะหยุดผลิตในเดือน ธ.ค. ขณะที่เชฟรอนที่ผลิตเพียง 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน หรือ 2.3% ของกำลังการผลิตทั้งประเทศที่ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน อีกทั้งปริมาณการสั่งซื้อของ TASCO คิดเป็นกำลังการผลิต 2.2% ของเวเนซุเอลาเท่านั้น และยังมีเวลาให้ TASCO เปลี่ยนแหล่งในการหาวัตถุดิบใหม่ได้
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดผลประกอบการไตรมาส 1/63 ของ TASCO จะขาดทุนสุทธิ 808 ล้านบาท เพราะมีขาดทุนสต็อก 1.5 พันล้านบาท และมีกำไร Hedging ราว 541 ล้านบาท คาดว่าไตรมาส 1/63 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยประเมินว่าปริมาณขายจะลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3 แสนตัน ต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยเป็นผลจากงบประมาณปี 63 ของไทยล่าช้า และอุปสงค์ในจีนและมาเลเซียลดลงในช่วงปิดประเทศชั่วคราว เพราะสถานการณ์โควิด-19
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/63 คาดไว้ที่ 9.5% ลดจาก 12.3% ในไตรมาส 4/62 และคาดกำไรหลักในไตรมาส 1/63 เพิ่มขึ้น 151% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 78% จากไตรมาส 4/62 เป็น 151 ล้านบาท
นอกจากนี้ มองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะดีขึ้น โดยปัจจุบันมีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิตถึงก.ค.63 โดยปีนี้คาดได้รับวัตถุดิบ 15 Shipments เท่ากับปีก่อน ขณะที่โรงกลั่นในมาเลเซียกลับมาผลิตได้ตามปกติ ส่วนความต้องการในจีนจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ เม.ย.63 และในไทยที่ดีขึ้นเป็นเท่าตัว อีกทั้งราคาขายในไตรมาส 2/63 คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นจากไตรมาสก่อน