อวดโฉม 32 หุ้น SET100 ไตรมาส 1 กำไรโตแกร่งสุดในกลุ่ม
อวดโฉม 32 หุ้น SET100 ไตรมาส 1 กำไรโตแกร่งสุดในกลุ่ม
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท) ที่ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มานำเสนอ โดยครั้งนี้คัดเลือกเฉพาะกลุ่มหุ้น SET100 ที่มีกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสวนวิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และภาวะสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯที่กดดันการลงทุนทั่วโลก ซึ่งมีทั้งหมด 32 ตัว ซึ่งครั้งนี้จะขอนำเสนอข้อมูลประกอบหุ้นที่มีกำไรเพียง 10 อันดับตามตารางประกอบดังนี้
โดยอันดับ 1 คือบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีกำไรสุทธิ 82.54 ล้านบาท เติบโต 898.97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8.26 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 1,648.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,485.35 ล้านบาท
อันดับ 2 คือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.63 มีกำไรสุทธิ 4,163.46 ล้านบาท เติบโต 163.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,578.84 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานไตรมาสดังกล่าว ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจาก ได้รับรู้รายได้จากธนาคารธนชาตเข้ามาเต็มไตรมาส ขณะเดียวกันสินเชื่อขยายตัวสินเชื่อเช่าซื้อรายย่อยมีแนวโน้มเติบโตที่ดี
ส่วนรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 19,605 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อและสัญญาเช่าการเงินขยายตัวร้อยละ 215.4 จากไตรมาสก่อน และการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดี ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อนส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์แอสชัวรันส์จากธุรกิจเช่าซื้อ
อันดับ 3 บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.63 มีกำไรสุทธิ 4,315.58 ล้านบาท เติบโต 114.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,015.67 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็น บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จํากัด (มหาชน) มีกําไรสุทธิจํานวน 112 ล้านบาท, บริษัท ธนชาตประกันภัย จํากัด (มหาชน) มีกําไรสุทธิจํานวน 114 ล้านบาท, บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จํากัด (มหาชน) มีกําไรสุทธิตามงบการเงินรวมจํานวน 465 ล้านบาท, บริษัท ธนชาต เอสพีวี 2 จํากัด มีกําไรสุทธิจํานวน 2,855 ล้านบาท, และบริษัทบริหารสินทรัพย์ รวมบริษัทย่อยอื่น มีกำไรจํานวน 167 ล้านบาท รวมถึงมีส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ตามวิธีส่วนได้เสียอีกจํานวน 954 ล้านบาท
อันดับ 4 บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 63 มีกำไรสุทธิ 439.10 ล้านบาท เติบโต 95.25 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 224.89 ล้านบาท
โดยปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้จากการขาย มีจำนวน 380.04 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนแสดงจำนวน 331.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 48.88 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.76 เติบโตจากการจำหน่ายอุปกรณ์ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและผู้รับเหมาเอกชนเพิ่ม และจากการขยายตัวของงานก่อสร้างประเภทต่างๆ ของภาครัฐเพิ่มสูงขึ้น
รวมทั้งมีรายได้จากการขายไฟฟ้าและส่วนเพิ่มราคารับซื้้อไฟฟ้า จำนวน 936.17 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนแสดงจำนวน 850.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 85.82 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.09
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญเกิดจากรายได้ จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ รวม 93.5เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คิมิทสึ ประเทศญี่ปุ่ น ขนาด 33.5 เมกะวัตต์ซึ่งได้มีการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 2 /62 และจาก โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Tri Viet 1 และ Bach Khoa A Chau 1 ประเทศเวียดนาม ขนาดรวม 60 เมกะวัตต์ติดตั้งใน เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา
อันดับ 5 บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีกำไรสุทธิ 800.95 ล้านบาท เติบโต 90.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 419.44 ล้านบาท
โดยในไตรมาสที่ 1 ปี2563 มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,061 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 700 ล้านบาทหรือร้อยละ 20.8 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของการส่งออกเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปยังตลาดต่างประเทศ และการเติบโตของรายได้จากการ รับจ้างจัดจำหน่ายสินค้าให้บุคคลภายนอก
อันดับ 6 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 63 มีกำไรสุทธิ 1,712.67 ล้านบาท เติบโต 89.23 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 905.08 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากในไตรมาสนี้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วเทียบกับดอลลาร์สหรัฐจึงส่งผลบวกให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนสูงถึง 112 ล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับ 7 บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 63 มีกำไรสุทธิ 718.57 ล้านบาท เติบโต 81.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 395.54 ล้านบาท
โดยปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวม จํานวน 1,683.734 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 66.404 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.11% เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปี ก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายมีจํานวน 1,640.256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 42.568 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.66% และรายได้จากการให้บริการมีจํานวน 43.478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 23.836 ล้านบาท คิดเป็น 121.35% โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จาการให้บริการปฏิบัติการและบํารุงรักษา (O&M) แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นนฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท
อันดับ 8 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีกำไรสุทธิ 186.48 ล้านบาท เติบโต 69.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 110.16 ล้านบาท
โดยในไตรมาสที่ 1 ปี2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 186.5 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 69.3 และ 184 จากไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ปี 2562 รวมถึงมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่ากับร้อยละ 55.6 ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเท่ากับร้อยละ 45.9 และ 41.4 ตามลำดับ
ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่เติบโตสูงขึ้นจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริหารจัดการฐานข้อมูลลูกค้าร่วมกับการทำโปรโมชั่นของธุรกิจพาณิชย์ และการบริหารคอนเทนต์ของธุรกิจสื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพในทุกหน่วยธุรกิจ
อันดับ 9 บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีกำไรสุทธิ 179.35 ล้านบาท เติบโต 68.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 106.58 ล้านบาท
โดยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีรายได้ค่าบริการอยู่ที่ 814.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 156.7 ล้านบาท คิดเป็น 23.8% โดยยอดขายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท ซึ่งเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมได้ยอดขายจากประกันโควิด-19 ผลักดันให้บริษัทสามารถสร้างรายได้รวมที่เติบโตต่อเนื่องได้
อีกทั้งภาพรวมธุรกิจไตรมาสแรกของ TQM ปีนี้ ยังสามารถปรับตัวได้ดี แม้หลาย ๆ ธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ TQM เป็นธุรกิจประกันที่มีการปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ทันท่วงทีตลอดเวลา โดยเห็นได้จากการออกผลิตภัณฑ์ประกันโควิด-19 ที่พัฒนาตั้งแต่เริ่มการระบาดในอู่ฮั่น ส่งผลให้ผลประกอบการดีเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้เมื่อไม่รวมยอดขายประกันโควิด-19 ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ รายได้ก็ยังเป็นไปตามเป้าหมาย
อันดับ 10 บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม มีกำไรสุทธิ 1,579.89 ล้านบาท เติบโต 67.69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 942.18 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากการขายและการให้บริการไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 18,090.44 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน8,883.33 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment : AP) ของโรงไฟฟ้าศรีราชา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ในขณะที่กำไร ข้ันต้นของโรงไฟฟ้า SPP ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาก๊าซธรรมชาติและ ถ่านหินที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
ประกอบกับค่าบำรุงรักษาที่ปรับตวัลดลงเนื่องจากไม่มีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรเช่นในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลงภายหลังการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินตามแผนชำระคืนเงินกู้ยืมระยะส้ันเมื่อช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 และไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ที่ผ่านมา โดยเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2562 กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากการรับรู้ผลประกอบการจาก GLOW เต็มไตรมาส (ไตรมาสที่ 1 ปี 2562 มีการรับรู้กำไรจาก GLOW เพียง 18 วัน)
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน