คัด 10 หุ้น SET100 วิ่งแรงในรอบ 5 เดือน พร้อมชู 20 หุ้นราคาต่ำบุ๊กน่าเก็บ!
คัด 10 หุ้น SET100 วิ่งแรงในรอบ 5 เดือน พร้อมชู 20 หุ้นราคาต่ำบุ๊กน่าเก็บ!
ภาวะตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้า โดยนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิอย่างมีนัยสำคัญโดยตั้งแต่วันที่ 1-8 มิ.ย.63 ยอดซื้อสะสมกว่า 5 พันล้านบาท ขณะเดียวกันดัชนี SET กลับมายืนเหนือระดับ 1400 จุด ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามภาพรวมตลาดในช่วง 5 เดือนแรกปี 2563 ถือว่ายังเป็นขาลง โดยเห็นได้จากดัชนี SET ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 1579.84 จุด อ่อนตัวมาอยู่ที่ระดับ 1342.85 จุด ณ วันที่ 29 พ.ค.63 ลดลง 236.99 จุด หรือลดลง 15% เนื่องจากช่วงดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นพื้นฐานแกร่งจนราคาปรับลงแรงเกินพื้นฐานหลายตัว
ดังนั้นทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET100 ในช่วงดังกล่าวมานำเสนอเพื่อให้เห็นทิศทางและเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งราคาถูกเข้าพอร์ต เนื่องจากช่วงนี้หุ้นขนาดใหญ่เริ่มเป็นเป้าหมายเงินทุนต่างชาติไหลเข้า นอกจากนี้ยังได้ทำการสำรวจราคาหุ้นกลุ่ม SET100 ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรง10 อันดับแรกมานำเสนอดังตารางประกอบ
โดยหุ้นที่ปรับตัวแรงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มคือบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ราคาหุ้นในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ปรับตัวขึ้น 165.50% จากระดับ 10.00 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 บวกไป 16.50 บาท มาอยู่ที่ระดับ 26.50 บาท ณ วันที่ 29 พ.ค.63 เนื่องจากธุรกิจถุงมือยางได้รับประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดและเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานในปีนี้
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณการขายถุงมือยางในไตรมาส 2/63 จะเติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 ที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 6,300 ล้านชิ้น จากเดินเครื่องกำลังการผลิตใหม่ในช่วงปลายเดือนมี.ค.63 ส่งผลทำให้กำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 33,000 ล้านชิ้น/ปี และน่าจะเพิ่มอัตราการเดินเครื่องจักรเป็น 94-95% ในไตรมาส 2 นี้ จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 85-90%
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ผลักดันความต้องการใช้ถุงมือยางให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้คาดว่าในปี 63 ความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกจะเติบโตกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 300,000 ล้านชิ้น และเติบโตกว่าปกติ จากปกติมีการเติบโตในระดับ 10-12%
ด้านราคาหุ้น SET100 ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีมัทั้งหมด 20 ตัว ได้แก่ QH,SPALI,PSH,BCP,PTTGC,AP,IRPC,STPI,TMB,TCAP,BBL,PTTEP,KKP, KBANK,KTB,TOP, SCB,THAI,BANPU,และ PSL ดังตารางประกอบ อีกทั้งเป็นหุ้นที่ราคาขึ้นช้ากว่าตลาดฯ จึงคัดเลือกมานำเสนอนักลงทุนเพื่อพิจารณาในการลงทุนช่วงนี้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,425-1,450 จุดโดยกลุ่มพลังงานคาดว่าจะชะลอความร้อนแรงจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงหลังซาอุดิอาระเบียจะไม่ขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจในเดือน ก.ค. นี้
ส่วนการประชุม FED สัปดาห์นี้คาดว่ายังคงนโยบายการเงิน แต่ต้องติดตามมุมมองทางเศรษฐกิจและ Dot Plot ระยะสั้นแม้ดัชนีอาจยังได้อานิสงส์จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า แต่จาก Valuation ของ SET Index ที่เริ่มตึงตัวโดยในแง่พื้นฐานบริเวณ 1,450 จุด+- เทียบเท่า 2021PER ราว 17 เท่าทำให้ Upside ไม่มาก กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นโดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่ยัง Laggard//ทยอยทำกำไรเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นเหนือ 1,450++
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า SET Index อยู่ในภาวะเก็งกำไรและมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะฉะนั้นในช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะการเก็งกำไรอย่างชัดเจน ดังนั้นยิ่ง SET Index ปรับตัวขึ้นเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องกลับมาโฟกัสความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น กลยุทธ์ะนำ Lแนet Profit Run พร้อมกับขยับจุด Stop Profit เพื่อ Lock กำไรตามขึ้นมาเรื่อยๆ โดยชื่นชอบหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง Laggard กว่าตลาด คือ CPALL, STEC และเพิ่ม TVO เป็นอีก 1 Top pick
CPALL([email protected]) เป็นหุ้นที่ราคายัง Laggard กว่าห้นขนาดใหญ่และตลาด ซึ่ง CPALL ปรับตัวขึ้นมาเพียง 3.1%mtd เท่านั้น (SET เพิ่มขึ้น 6.91%mtd) มีโอกาสเป็นเป้าหมาย Fund Flow ในระยะถัดไป ตามแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นไม่แพ้ใครในปีนี้ สวนทางตลาดที่ปรับลง โดยฝ่ายวิจัยคาดว่ามี EPS Growth63F เท่ากับ 7.8%
STEC([email protected]) วันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ครม.มีมติเห็นชอบคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนสนามบินอู่ตะเภา ซึ่ง STEC ถือเป็นหนึ่งในผู่ร่วมลงทุน โดยมีงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร มูลค่าเฟสแรกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท รวมถึงการเข้าสู่ช่วง Peak ของงานก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทางคือสายสีส้ม ชมพู เหลือง ตั้งแต่กลางปี 2562 ทำให้ STEC มีรายได้ก่อสร้างเฉลี่ยเดือนละ 3 พันล้านบาท ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี ส่งผลให้ STEC เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีพื้นฐานดีที่สุดในบรรดาบริษัทรับเหมาใหญ่ด้วย Backlog ที่มีมากกว่า 7.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน มี Upside สูงเกือบ 20% ถือเป็นหุ้นน่าเก็งกำไรในเวลาแบบนี้
TVO(FV@30) มีจุดเด่นจากการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2534 โดยปี 2563 คาดหมาย Div yield ราว 6% และมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี SET100 ในรอบนี้ และหากพิจารณาเชิง price performance นับตั้งแต่ 13 มี.ค. 63 จนถึงปัจจุบัน ปรับตัวขึ้น 11% ยัง Laggard SET index และ SET Food ที่ปรับตัวขึ้นราว 27% เท่าๆกัน ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติ 2Q63 เติบโต YoY หนุนด้วยยอดขายสูงขึ้นจากการเพิ่มกำลังผลิตเป็น 6.5 พันตันต่อวัน จาก 6 พันตันต่อวัน บวกกับ Gross margin สูงขึ้นจาก 8.7% ในงวด 2Q62 เพราะการบริหารจัดการต้นทุนเมล็ดถั่วเหลืองดีขึ้น เนื่องจากราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลืองในตลาด CBOT มีเสถียรภาพมากขึ้น
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน