โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” BCH ชูหุ้น “แลกการ์ด” มองกำไรปีนี้โต 2 หลักแม้เจอโควิด เป้าสูง 20 บ.
โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" BCH ชูหุ้น “แลกการ์ด” มองกำไรปีนี้โต 2 หลักแม้เจอโควิด เป้าสูง 20 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH หลังมองกำไรปี 63 ยังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก แม้จะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระทบให้ลูกค้าต่างชาติหายไป แต่ก็ได้รับผลบวกจากการปรับกลยุทธ์ทั้งบริการตรวจเชื้อโควิด รวมถึงบริการเชิงรุกกับลูกค้าประจำที่เป็นโรคเรื้อรังผ่าน Telemedicine และ Home Service
นอกจากนี้ การที่มีฐานลูกค้ากลุ่มประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น และการปรับเพิ่มค่าบริการรายหัวของสำนักงานประกันสังคมตั้งแต่ต้นปีนี้ ก็จะทำให้รายได้ส่วนนี้จะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานด้วย
ขณะเดียวกันราคาหุ้น BCH ที่ยังคง laggard หลังเทรดด้วย P/E ราว 27 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มโรงพยาบาลที่เทรด P/E สูงถึง 42 เท่า และยังมีโอกาสจะเพิ่มลูกค้ากลุ่มประกันสังคมได้อีก รวมถึงแนวโน้มสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายและไทยอาจจะกลับมาเปิดประเทศในเร็ววันนี้ก็จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติกลับเข้ามาใช้บริการ ส่งผลดีต่อแนวโน้มผลประกอบการให้ฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี จากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63
นายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ BCH ในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดี โดยคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตได้ราว 18% มาที่ 1.34 พันล้านบาท จากการรับรู้รายได้ประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายรายหัวอีก 9% ประกอบกับมีรายได้จากการให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 เข้ามาช่วยชดเชยรายได้จากลูกค้าต่างชาติที่หายไปจากสถานการณ์โควิด
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา BCH มีเคสตรวจโควิด-19 มากกว่า 9 หมื่นตัวอย่าง จากเคสที่ตรวจในโรงพยาบาลเอกชนทั่วไประเทศที่มีทั้งหมด 1.6 แสนตัวอย่าง หรือคิดเป็นสัดส่วน 54% ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ในช่วงไตรมาส 2/63 ด้วย นอกจากนี้ BCH ยังได้ร่วมมือกับ 6 โรงแรมเพื่อสร้างเป็น Alternative State Quarantine รองรับการกักตัวของผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ซึ่งก็จะเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริมเข้ามาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมองว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 ของ BCH จะอ่อนแอสุดในรอบปี นอกเหนือจากเป็นไปตามช่วงฤดูกาลของธุรกิจโรงพยาบาลแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เต็มที่ แต่มองว่าน่าจะเป็นช่วงทยอยสะสมหุ้น BCH เนื่องจากผลการดำเนินงานจะเข้าสู่ไฮซีซั่นในช่วงไตรมาส 3/63 หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผู้ป่วยกลับมาใช้บริการโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยเฉพาะการผ่าตัดซึ่งก็จะช่วยหนุนรายได้มากขึ้น
ขณะที่หากรัฐบาลเปิดน่านฟ้าตั้งแต่เดือนก.ค. ก็จะทำให้ลูกค้าต่างชาติน่าจะเริ่มกลับเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในกลุ่มจีน,ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้ ก็จะส่งผลดีต่อการให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) ของ BCH ด้วย
นอกจากนี้ BCH ยังมีโอกาสที่จะรับลูกค้ากลุ่มประสังคมได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลเอกชนอื่น จากขีดความสามารถของเครือโรงพยาบาลที่รองรับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ราว 1 ล้านคน ขณะที่มีลูกค้าประกันสังคมที่ลงทะเบียนอยู่ที่ราว 8.8 แสนคนเท่านั้น
“แม้จะมองว่าไตรมาส 2 จะแย่เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่ง BCH มีรายได้จากลูกค้าต่างชาติราว 10% แต่ปีนี้ BCH ก็จะมีรายได้จากประกันสังคมมากขึ้น และมีรายได้จากการตรวจเคสโควิดเพิ่มเข้ามาชดเชยรายได้จากลูกค้าต่างชาติที่หายไป…เมื่อเทียบ Valuation ของ BCH ยัง laggard เทรดที่ P/E ราว 27 เท่า เทียบกับ CHG ที่เทรด P/E 34-35 เท่า และเมื่อเทียบกับกลุ่มโรงพยาบาลที่เทรด P/E 42 เท่า นับว่า laggard ที่สุด”นายอำนาจ กล่าว
ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลกำไรของ BCH ในไตรมาส 2/63 แม้คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน แต่เชื่อว่าจะลดลงไม่มากนัก เนื่องจากมีแผนรับมือสถานการณ์โควิด-19 โดยหันมาให้บริการเชิงรุกกับลูกค้าประจำที่เป็นโรคเรื้อรัง ผ่านบริการ Telemedicine และ Home Service รวมถึงบริการฉีดวัคซีนแบบ Drive Thru ซึ่งได้ให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคเรื้อรัง แบบ Home Service อย่างใกล้ชิด
รวมถึงการลดต้นทุน ทั้งนโยบายลด minimum guarantee แก่แพทย์ และนโยบาย Zero OT รวมถึงชะลอการลงทุนใหม่ และการปรับปรุงโรงพยาบาลออกไป ตลอดจนเพิ่มช่องทางรายได้ โดยให้มีห้องแล็ปตรวจเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ถึง 9 โรงพยาบาล และกำลังการดำเนินการเพิ่มอีก 2 โรงพยาบาล
โดยผลการตรวจจำนวนผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ในส่วนของ BCH มีจำนวนถึง 9 หมื่นราย ทำให้คาดว่าในไตรมาส 2/63 จะมีรายได้จากการตรวจแล็ปโควิด-19 จากภาครัฐเข้ามาชดเชยรายได้จากลูกค้าต่างชาติที่ลดลง รวมถึงรายได้จากประกันสังคมยังเติบโตได้จากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งตั้งแต่กลางพ.ค. เริ่มเห็นจำนวนคนไข้กลับมาใช้บริการแล้วราว 70% จากปกติ
ส่วนบทวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของ BCH มีทิศทางอ่อนตัว จากผลกระทบของโควิด-19 เนื่องจากการล็อกดาวน์เมืองทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีในเดือน พ.ค. จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้โรงพยาบาลเพิ่มการให้บริการเกี่ยวกับโควิด-19 ทั้งการตรวจคัดกรองแบบเชิงรับและเชิงรุก และการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 รวมถึง Alternative State Quarantine ที่ร่วมมือกับผู้ประกอบการโรงแรม ซึ่งคาดจะช่วยชดเชยรายได้บางส่วน
ขณะเดียวกันโรงพยาบาลยังมีการลดค่าใช้จ่ายบุคลากร และชะลอการลงทุนต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งนี้ ประเมินการเติบโตของรายได้ปี 63 อย่างอนุรักษนิยมที่ 8.8% มาที่ 9.66 พันล้านบาท และประเมินกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.26 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากปีก่อน โดยคาดว่ารายได้จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมถึงมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ช่วยหนุนธุรกิจ
ทั้งนี้ BCH ปรับตัวตามสถานการณ์ โดยเพิ่มบริการ Home Service ส่งเจ้าหน้าที่ให้บริการถึงบ้าน อาทิ กายภาพบำบัด ตรวจสุขภาพ ทำแผล ฉีดวัคซีน เป็นต้น รวมถึงบริการส่งยาทางไปรษณีย์ เนื่องจากผู้ป่วยมีความกังวลการติดเชื้อและหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังโรงพยาบาล ทำให้คาดว่าธุรกิจจะยังเติบโตได้ดีในระยะยาว
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์โดยเลือก BCH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงพยาบาล จากแนวโน้มการเติบโตในปีนี้ และ Valuation ไม่แพง โดยประเมินว่าในไตรมาส 2/63 BCH มีกำไรปกติเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดปีก่อน และไตรมาสก่อน ซึ่งนับว่าดีกว่ากลุ่ม มีปัจจัยบวกการเติบโตของรายได้ และอัตรากำไรดีขึ้นจากการให้บริการตรวจโควิด-19 ซึ่งมีมาร์จิ้นที่ดีกว่าการรักษา นอกจากนี้หุ้น BCH ปัจจุบันซื้อขาย P/E ปีนี้ถูกสุดเมื่อเทียบกับกลุ่ม