โบรกฯแนะ “ซื้อ” OSP เคาะเป้า 48 บ. ลุ้นลดภาษีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ-ผลงานครึ่งปีหลังฟื้น

โบรกฯแนะ “ซื้อ” OSP เคาะเป้า 48 บ. ลุ้นลดภาษีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ-ผลงานครึ่งปีหลังฟื้น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP โดยบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น OSP ราคาเป้าหมาย 48 บาท/หุ้น โดยล่าสุดมีข่าวว่าการประชุมครม.ที่ผ่านมามีการอนุมัติเรื่องพิกัดภาษีสรรพสามิต สำหรับเครื่องดื่มนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (functional drink) ที่จะลดลงจาก 10% เป็น 3% เทียบกับก่อนหน้านี้ functional drink ได้ถูกนับรวมให้ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต 10% เริ่มต.ค.62 เป็นต้นมา ซึ่งคราวนั้น OSP มีการปรับราคาขายสินค้าเครื่องดื่ม C-Vitt จาก 15 บาทเป็น 16 บาท เพื่อลดทอนผลกระทบอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้การลดภาษีดังกล่าว หากเกิดจริงจะต้องรอการประกาศบนราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน แต่มองว่า OSP จะได้รับประโยชน์จากสินค้าเครื่องดื่ม C-Vitt ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 10% ของทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะมีอัตรากำไร (margins) ที่ดีขึ้นจากการประหยัดค่าใช้จ่ายภาษีดังกล่าวราว 70% หรือประมาณ 1 บาทต่อขวด โดยในเบื้องต้นคาดว่าข้อดีจากเรื่องข้างต้นจะทำให้ประมาณการกำไรดีขึ้นราว 2-2.5% แต่จะรอให้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการก่อน

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น OSP และปรับราคาเป้าหมายเป็น 47 บาท/หุ้น คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 เป็นต้นไป โดยเติบโตได้โดดเด่นในช่วงปี 2563-2565 อยู่ที่ 11% CAGR จากผลิตภัณฑ์ C-vitt ที่เติบโตทั้งทางด้าน Demand จากกระแสรักสุขภาพ และ Supply จากกeลังการผลิตที่จะเพิ่มถึง 10-15% ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 และราคาที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้คาดว่ากำไรปกติไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงทั้งเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากผลกระทบจากมาตรการ Lockdown แต่คาดว่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563

นอกจากนี้ยังมีมุมมอง Slightly positive ต่อมติลดภาษีเครื่องดื่มนวัตกรรม โดยมองว่าจะส่งผลให้ C-vitt (คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 10% ของรายได้รวมในปี 2563) เสียภาษีลดลงจาก 10% ในปัจจุบันเหลือเพียง 3% ซึ่งคาดว่าจะทำให้ต้นทุนต่อขวดลดลงประมาณ 1 บาท คิดเป็น 6% ของราคาขายปลีก C-vitt

ทั้งนี้เมื่อมองในมุมภาพรวมของ OSP คาดว่าถ้ามติดังกล่าวประกาศ ลงราชกิจจานุเบกษา และบังคับใช้ในช่วงเดือน ก.ค. 2563 จะส่งผลบริษัทร่วมค้าให้มีกำไรสูงขึ้น ทำให้ Norm. profit margin ปี 2563 ของ OSP สูงขึ้นประมาณ 12 bps ไปอยู่ที่ 15.1% และปี 2564-2565 เพิ่มขึ้นราว 32 bps อยู่ราวๆ 17.1% ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในการประมาณการของบล.โนมูระ พัฒนสิน

Back to top button