คัด 12 หุ้นได้ประโยชน์ 5G เน้นกลุ่มบริการโครงข่าย-อุปกรณ์-ขายมือถือน่าเก็บ!
คัด 12 หุ้นได้ประโยชน์ 5G เน้นกลุ่มบริการโครงข่าย-อุปกรณ์-ขายมือถือน่าเก็บ!
จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดนักทำให้สังคมก้าวสู่ Digital มากขึ้นและเร็วขึ้น และอาศัยความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีในช่วง WFH ที่ทำให้สามารถทำงานผ่านออนไลน์ อีกทั้งเทคโนโลยี 5G ที่ค่ายมือถือกำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ จะเข้ามาช่วยอุตสาหกรรมต่างในการ transform องค์กรสู่ความเป็นดิจิตอล และจะเป็นรายได้แหล่งใหม่ของผู้ให้บริการ 5G และผู้ประกอบการที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยี 5G
ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลของทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” พบว่ากลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ได้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการโครงข่ายและอุปกรณ์, และกลุ่มขายสินค้ามือถือ อาทิ ADVANC, DTAC, TRUE,ITEL, ALT,COM7,SPVI,SYNEX,JMART,CSS,SCI,และ INSET ซึ่งโบรกเกอร์ได้ระบุไว้ดังนี้
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่ากลยุทธ์การลงทุน ยังคงมุมมองเป็นกลาง โดยให้กรอบดัชนีภาคบ่ายแกว่งตัวในกรอบ 1,365-1,380 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ ซื้อเก็งกำไรกับกลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยี 5G อาทิ กลุ่มโครงข่ายและอุปกรณ์ (ALT CSS SCI) และกลุ่มขายสินค้า อาทิ มือถือ (COM7 JMART SPVI) คาดว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดยังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัวสร้างฐานและจับตาการระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 2 ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงินและการคลังทั่วโลก โดยยังคงเน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก เช่น อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ โรงไฟฟ้า สื่อสารฯ เป็นต้น
อีกทั้งสังคมจะก้าวสู่ Digital มากขึ้นและเร็วขึ้น อาศัยความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีในช่วง WFH ที่ทำให้สามารถทำงาน ประชุม เรียนหนังสือ ช้อปปิ้ง ออกกำลังกาย ปรึกษาแพทย์ เป็นต้น ผ่านออนไลน์ เทคโนโลยี 5G ที่ค่ายมือถือกำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ จะเข้ามาช่วยอุตสาหกรรมต่างในการ transform องค์กรสู่ความเป็นดิจิตอล และจะเป็นรายได้แหล่งใหม่ของผู้ให้บริการ 5G ผู้ประกอบการที่จะได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ได้แก่ ADVANC, DTAC, TRUE, ITEL, ALT, COM7, SPVI, SYNEX
สำหรับโดย ITEL แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.90 บาท ได้ประโยชน์จากการมาของ 5G เพราะทำให้เกิดการใช้ Data จำวนมาก เป็นบวกต่อธุรกิจให้บริการโครงข่ายและ Data center ของบริษัท แม้งบไตรมาส2/63 จะลดลงทั้ง เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ปัจจุบันมี Backlog ราว 4 พันลบ. และมีศักยภาพที่จะได้งานเพิ่มในอนาคต PE ปีนี้ที่ 15 เท่า และ PBV 1.4 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่มี PE 20 เท่าและ PBV 2 เท่า
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภายหลังผ่านช่วงวิกฤติ COVID-19 ปัจจุบันพบว่า สถานะงานประมูลในส่วนงานโทรคมนาคม เริ่มทยอยกลับมาเช่นเดียวกับภาคก่อสร้าง จากการรวบรวมของฝ่ายวิจัยในกลุ่มที่แจ้งรับงานใหม่ผ่านระบบตลาดฯ (ITEL, ICN, ALT) พบว่า ในส่วน ICN, ITEL งวดไตรมาส 2/63 มีการประกาศรับงานใหม่ต่อเนื่อง ดีขึ้นชัดเจนจากงวดไตรมาส1/63 ซึ่งไม่มีงานใหม่เลย
ITEL รับงานใหม่ได้ 413.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมีนัยฯจาก Backlog ราว 4.0 พันล้านบาท ช่วงสิ้นสุด ไตรมาส1/63
ICN รับงานใหม่ใน ไตรมาส2/63 ได้ถึงราว 1.07 พันล้าบาท เพิ่มขึ้นมีนัยฯ จาก Backlog สิ้น ไตรมาส1/63 ของบริษัท ประเมินราว 1.0 พันล้านบาท
ส่วน ALT รับงานใหญ่ใน ไตรมาส1/63 ไปราว 464 ล้านบาท หนุน Backlog สิ้นสุด ไตรมาส1/63 อยู่ราว 1.5 พันล้านบาท จึงอาจสร้างข้อจำกัดรับงานเพิ่มเติมหลัง COVID-19
ขณะที่ INSET ที่ฝ่ายวิจัยติดตามในกลุ่มดังกล่าว ปัจจุบัน พบว่า เริ่มกลับมาสะสม Backlog เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยล่าสุดเซ็นสัญญารับงานใหม่ จากกลุ่มงานสร้าง Data Center ที่เชี่ยวชาญอีก 350 ล้านบาท เพิ่ม Backlog (ก่อนรับรู้รายได้ 9M63) เป็น 2.3-2.4 พันล้านบาท และคาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากพันธมิตรบริษัท ทั้งคู่ค้ารัฐฯ อาทิ TOT CAT และเอกชนกลุ่ม TRUE และกลุ่มที่บริษัทรับงานต่อในส่วนงานโครงสร้างพื้นฐาน (Subcontract) ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในกลุ่มทั้งสิ้น อาทิ FORTH, ICN, AIT
ภาพรวมข้างต้นหนุนปัจจุบัน INSET มี Backlog ปัจจุบันสามารถรองรับการรับรู้รายได้ช่วงที่เหลือของปีที่ 1.2 พันล้านบาทไปแล้วเกือบ 70% ที่เหลือ 30% เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากที่บริษัทจะรับงานใหม่เพิ่มพิจารณาจากพันธมิตรหลากหลายดังกล่าว ซึ่งไม่น่าจะมองข้าม INSET ที่มีความสามารถรับงานโครงสร้างพื้นฐานที่ครบเหนือรายอื่น
โดยรวมจึงเชื่อมั่นว่ากำไรปีนี้จะเติบโต 22% ตามคาด ถือว่าสูงกว่าผู้ประกอบธุรกิจรับงานโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเป็นหลัก คือ ITEL ที่ Consensus คาดกำไรปี 2563 ลดลง 6.9% แต่อาจจะด้อยกว่า ALT ที่พลิกขาดทุนเป็นกำไร (ICN ไม่มีรายใดจัดทำบทวิเคราะห์)
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยชอบ INSET([email protected]) จากจุดเด่นที่หุ้นที่แทบไม่ตอบรับข่าวบวกเลย (YTD ปรับตัวขึ้น 1.5% vs ALT +114%, ICN +15.7% , ITEL +8.9%) ขณะที่ Valuation ปัจจุบันยังถูกกว่ากลุ่มมาก มี PER’63 เพียง 9.8 เท่า ขณะที่ ALT และ ITEL ซื้อขายเฉลี่ย 21.7 เท่า มูลค่าพื้นฐานอิง PER 16 เท่า ที่ 4.18 บาท ยังมี Upside สูงถึง 58.3% แนะนำ ซื้อ
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน