จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนก.ค.โบรกชู 12 หุ้นเด่นเน้นธีมผันผวนต่ำ-ธุรกิจฟื้นตัวดีครึ่งปีหลัง!
จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนก.ค.โบรกชู 12 หุ้นเด่นเน้นธีมผันผวนต่ำ-ธุรกิจฟื้นตัวดีครึ่งปีหลัง!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนสำหรับเดือนกรกฎาคม 2563 โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากโบรกเกอร์ชั้นนำของไทย อาทิ บล.เอเอสแอล บล.เคจีไอ และบล.ทิสโก้ โดยมุมมองตลาดเดือนนี้ส่วนใหญ่ยังคงปรับฐาน ดังนั้นธีมการลงทุนเดือนนี้จึงเน้นไปกลุ่มหุ้นแนวโน้มธุรกิจฟื้นตัวได้ดีในครึ่งหลังของปีนี้ โดยหุ้นเด่นเดือนก.ค.2563 อาทิ AAV,BAM,BCPG,BDMS,ILM,STARK,ADVANC,CBG,DCC,PTG,SCC,TVO เป็นต้น
บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายนผันผวนอย่างหนัก โดยในช่วงต้นเดือนนักลงทุนยังมองบวกอยู่ จากนั้นก็เริ่มเผชิญแรงขายหลังจากที่ราคาหุ้นในตลาดเริ่มตึง และเกิดกระแสความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับการระบาดของ Covid-19 ระลอกสอง
สำหรับมุมมองตลาดเดือนกรกฎาคม: คาดว่าจะยังปรับฐานลง แต่ความเสี่ยงทางลงมีจำกัด มองลบกับแนวโน้มดัชนี SET เดือนกรกฎาคม และคาดว่าตลาดจะย่อตัวลงต่ำกว่าแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,300 จุด เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
ข้อแรก การติดเชื้อ Covid-19 ในสหรัฐอาจจะเร่งตัวขึ้นอีก อย่างน้อยก็ในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะกดดันภาวะการลงทุนเนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจใหม่ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน ครึ่งหลังปี 2563 จะได้รับผลกระทบ
ข้อสอง มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารไทยจะหนักเกินคาดเมื่อมีการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส2/63 ซึ่งจะทำให้เกิดแรงขายรอบใหม่ออกมา
ข้อสาม กระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่หันมาสนใจหุ้นไทย เนื่องจากผลประกอบการที่หดตัวในปี 2563 ทำให้ราคาหุ้นไทยดูแพงเมื่อเทียบกับหุ้นในตลาดอื่น ๆ ในเอเซีย
อย่างไรก็ตาม คิดว่า SET Index มีความเสี่ยงทางลงที่จำกัด เพราะเชื่อว่าสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการปิดเมืองอย่างเต็มรูปแบบอีก ในขณะที่การอัดฉีดสภาพคล่องในตลาดโลกจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นอาจจะย่อตัวในเดือนกรกฎาคม จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ที่มี ความเชื่อมโยงกับดัชนีฯ มาก และเน้นธีมหุ้นดังต่อไปนี้
ธีมแรกคือการกลับมาเปิดให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างเต็มรูปแบบ มองว่าหุ้นที่จะได้อานิสงส์โดยตรงจากธีมนี้ได้แก่ BEM* และ CPALL*
ธีมที่สองคือการกลับมาเปิดประเทศรับผู้ป่วย นักธุรกิจ และนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นโรงพยาบาล และนิคมอุตสาหกรรม อย่างเช่น BDMS* EKH และ AMATA*
ธีมสุดท้ายคือหุ้นกลุ่มอาหารที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีในครึ่งหลังของปีนี้ เช่น CPF* และ OSP*
บล.ทิสโก้ ระบุกลยุทธ์การลงทุนในช่วงตลาดปรับฐาน 1-2 เดือนข้างหน้า เน้นแบ่งซื้อแบบสม่ำเสมอและตั้งรับช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว ให้น้ำหนักสำคัญที่ SET บริเวณโซน 1300-1320 และ 1250-1280 ตามลำดับ
โดย หุ้นเด่นเดือนนี้ แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการสัญจรที่ฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ เปิดเทอม การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ คือ BEM และ PTG และหุ้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 ออกมาดี มีเงินปันผลระหว่างกาล แนะนำ CBG, DCC, SCC และ TVO เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่แนะนำเดือนนี้ คือ BEM, CBG, DCC, PTG, SCC และ TVO
ส่วนแนวรับตลาดหุ้นไทย (SET Index) เดือน ก.ค.แนวรับแรกอยู่ที่ 1,305 จุดและแนวรับถัดไปที่ 1,300, 1,280 จุด และ 1,260 จุด ตามลำดับ ส่วนต้านแรกของหุ้นไทยอยู่ที่ 1,350 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,380 จุดตามลำดับ
สำหรับธีมหุ้นเด่นที่น่าลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง คือ กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยจากโควิด-19 หรือมีความเสี่ยงต่ำหากเกิดการแพร่ระบาดระลอกสอง รวมทั้งมีความปลอดภัยจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่อาจกลับมาปะทุขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี คือ BAM, CBG และ CPALL รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินชีวิตแบบ New Normal แนะนำ TRUE และแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่คาดว่าจะกลับมาเร่งตัวขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ CK และ SCC ดังนั้น 6 หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง คือ BAM, CBG, CK, CPALL, SCC และ TRUE
บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนที่ผ่านมามีความผันผวนสูง โดยมีการปรับตัว มองว่าดัชนี SET มี Valuation ที่แพงและเริ่มปรับตัวพักฐาน โดยได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดรอบ 2 ในสหรัฐอเมริกาโดยแพร่ระบาดรุนแรงต่อเนื่องในหลายรัฐและเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื่อมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เข้ามากดดันภาพในการฟื้นตัวในช่วง ครึ่งหลังปี2563
ในขณะที่ภายในประเทศธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2563 ลงเหลือ -8.1% จากเดิม -5.3% ในขณะที่ธนาคารโลกคาด GDP ไทยปีนี้หดตัว -5% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงกว่าคาด
โดยคาดผลการดำเนินงานส่วนใหญ่ของบริษัทในไตรมาส 2/63 อ่อนตัวลงแรงจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้หลายบริษัทต้องปิดดำเนินการไป
อย่างไรก็ตามในประเทศสหรัฐเริ่มกลับมาเป็นบวกจากการายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาดี สะท้อนถึงการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐ อีกทั้งด้วยสถานการณ์ภายในประเทศที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของโควิด-19 ทำให้มีการผ่อนคลายล็อคดาวน์เฟสที่ 5 เริ่มเปิดกิจการที่มีความเสี่ยงสูงมากได้ เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะได้ อย่างไรก็ตามมีการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ถึงวันที่ 31 ก.ค. 2563 และควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศ
ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำลดพอร์ทการลงทุนในหุ้น โดยดัชนี SET ปรับตัวไม่หลุดแนวรับ 1,300 ที่เป็นแนวรับหลัก เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจภายในประเทศมีความแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ดีตามราคาหุ้นเริ่มแพงคาดในระยะสั้นยังคงปรับฐานในกรอบหลัก 1,300/1,381 แนวต้าน 1,350/1,381 แนวรับ 1,310/1,300
แนะนำเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive และมีความผันผวนต่ำอย่าง BCPG BDMS ADVANC BAM STARK หุ้นพื้นฐานดีแต่ปันผลสูง (ราว 5%) เช่น PTT DIF JASIF THCOM หุ้นกลุ่มการบริโภคและอาหาร CPALL RBF ILM และหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวและการบิน ERW CENTEL MINT AAV ส่วนหุ้นเด่นประจำเดือนนี้นำแนะนำ AAV BAM BCPG BDMS ILM STARK และ ADVANC
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน