สรุปงบ บจ.Q2 กลุ่มไหนโต-กลุ่มไหนทรุดเจาะช่วงที่เหลือของปีหลังเหตุการณ์ระเบิด

บล.เอเซีย พลัสสรุปผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน Q2/58 พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มตลาดในช่วงที่เหลือของปีหลังเหตุการณ์ระเบิด


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ส.ค.) ว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน SET Index ในไตรมาส 2/58 ที่ผ่านมา จำนวน 530 บริษัท (ไม่รวมหุ้นที่อยู่ในกลุ่มฟื้นฟู) มีกำไรสุทธิรวม 2.12 แสนล้านบาทลดลง 7.3% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนส่งผลให้กำไรรวม 6 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ 4.41 แสนล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนราว 49% ของประมาณการกำไรสุทธิเดิมปี 2558 (ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 8.87 แสนล้านบาท)

 

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิปรับลดลงมากสุดเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/58 คือ

– ขนส่งพลิกจากกำไร 1.3 หมื่นล้านบาทกลายเป็นขาดทุน 3.9 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการปรับลดลงของขนส่งทางอากาศหลักๆมาจาก THAI

– ท่องเที่ยว/โรงแรมลดลง 98% จากไตรมาสก่อนจากกำไรที่ลดลงอย่างมีนัยฯของ CENTEL และการพลิกกลับมาขาดทุนของ ERW โดยรวมกลุ่มนี้ผลกำไรลดลงเนื่องจากผ่านพ้นช่วง high season ในไตรมาส 1/58 ไปแล้ว

– สื่อสารลดลง 38% จากไตรมาสก่อนตามการลดลงของ JAS (ไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง JASIF เหมือนไตรมาส 1/58) DTAC (ผลจากคลื่นสัมปทานซึ่งมีต้นทุนแพงเกินคาด) และ TRUE

– ประกันฯลดลง 28% จากไตรมาสก่อน ตามกำไรที่หดตัวของ THRE เนื่องจากในไตรมาส 1/58 มีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนใน THREL

– ยานยนต์ลดลง 27% ไตรมาสก่อนหลักๆมาจากกำไรที่ลดลงของ STANLY, SAT และ PCSGH

– โรงพยาบาลลดลง 25% ไตรมาสก่อนมาจากการลดลงของกำไรใน BDMS เป็นหลัก

– การเงินลดลง 22% ไตรมาสก่อนส่วนใหญ่มาจากการลดลงของกลุ่มหลักทรัพย์ตามมูลค่าการซื้อขายในตลาดฯที่ชะลอตัวลง

– เกษตร-อาหารลดลง 16% ไตรมาสก่อนมาจากการลดลงของกำไรอย่างมีนัยฯของ MINT และ TUF รวมถึงหุ้นกลุ่มน้ำตาล KSL,KBS และ KTIS ที่ลดลงตามราคาน้ำตาลโลก

 

ตรงข้ามกลุ่มที่มีกำไรปรับเพิ่มขึ้นได้แก่

– ปิโตรเคมี +126% ไตรมาสก่อนมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของ PTTGC และ IVL

– รับเหมาก่อสร้าง +121.4% ไตรมาสก่อนหลักๆมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของ CK

– อสังหาฯ +49% ไตรมาสก่อนมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯของ PS, SC และ SIRI

– ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 24.7% ไตรมาสก่อนมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของ SVI

– วัสดุก่อสร้าง 15.4% ไตรมาสก่อนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของ SCC และ VNG

– สื่อ-บันเทิง 10% ไตรมาสก่อนจากการพลิกมากำไรของ WORK, กำไรที่ new high ของ MAJOR

 

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของตลาดในครึ่งปีหลังของปี 58 นั้นหากอิงประมาณการกำไรตลาดเดิมในปีนี้ที่ 8.87 แสนล้านบาทดังกล่าวจะต้องทำกำไรเฉลี่ยไตรมาสละ 2.23 แสนล้านบาทซึ่งค่อนข้างเป็นไปได้ยากเนื่องจากมีโอกาสที่ไตรมาส 3/58 ผลการดำเนินจะชะลอตัวตามผลของการขาดทุนสต็อกน้ำมันเนื่องจากราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับต่ำกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานรวมทั้งผลกระทบของการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจในประเทศและการชะลอตัวของสินเชื่อกระทบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์

และล่าสุดจากเหตุการณ์ระเบิดในช่วง 2 วันที่ผ่านมาน่าจะเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานต่อเนื่องอีกหลายกลุ่มฯอาทิท่องเที่ยว-โรงแรม, โรงพยาบาล, สายการบินจึงมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายวิจัยมีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรปี 2558 และ 2559 ลงจาก 8.87 แสนล้านบาทและ 1.02 ล้านล้านบาทเป็น 8.49 และ 9.60 แสนล้านบาทลดลงจากประมาณการเดิม 4.3% และ 5.6% หรือคิดเป็น EPS 91.2 บาทและ 103.1 บาทต่อหุ้น

ทำให้ระดับดัชนีปัจจุบันมีค่า Expected PER ที่ประมาณ 15 เท่าซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านคืออินโดนีเซีย 14.68 เท่ามาเลเซีย 14.79 เท่าตลาดหุ้นจีน 15.25 เท่าแต่ต่ำกว่าตลาดหุ้นอินเดีย 16.79 เท่าและตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ 19.43 เท่า แม้ระดับ Expected PER จะใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยประเมินแต่จากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศที่เกิดขึ้นล่าสุดทำให้ยังเห็นความเสี่ยงขาลงของตลาดหุ้นไทยอยู่จึงคาดว่าแนวรับถัดไปน่าจะอยู่ที่ PER 15-14.5 เท่าหรือบริเวณ 1,367-1,322 จุด

 

ที่มา: บทวิเคราะห์ Market Talk บล.เอเซีย พลัส

Back to top button