เปิดโผ 5 หุ้น SET100 พุ่งกระฉูด 7 เดือนแรกปีนี้ พร้อมสอย 18 หุ้นราคาต่ำบุ๊ก!

ดัชนีตลาดหุ้นหุ้นไทย SET Index ในช่วง 7 เดือนแรกปี 2563 …


ดัชนีตลาดหุ้นหุ้นไทย SET Index ในช่วง 7 เดือนแรกปี 2563 แกว่งตัวผันผวน โดยในช่วงดังกล่าวดัชนีขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,604 จุด เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ก่อนปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 969 จุด เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563

นอกจากนี้ ยังได้เห็นการประกาศใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ถึง 3 ครั้งในเดือน มี.ค.หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเพราะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงขณะนี้ อีกทั้งมีประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ซึ่งได้แก่การที่รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจลาออก และการปรับคณะรัฐมนตรีก็กดดันการลงทุน

สำหรับทิศทางดัชนีในรอบ 7 เดือนแรกปีนี้ยังอ่อนตัว โดยเทียบตั้งแต่ดัชนี SET ปรับตัวลงจากระดับ 1,579.84  จุด  ณ วันที่ 30 ธ.ค.62  มาอยู่ที่ระดับ 1,328.53 จุด ลดลง 251.31 จุด หรือลดลง 15.91%

จากภาวะดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นพื้นฐานแกร่งจนราคาปรับลงแรงเกินพื้นฐานหลายตัว ดังนั้นทีมข่าวข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET100  ในช่วง 7 เดือนแรก 2563 มานำเสนอเพื่อให้เห็นทิศทางและเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งที่ปรับตัวลงแรง โดยเทียบข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.62-31 ก.ค.63

ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลกลุ่ม SET100  ในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ พบว่ามีหุ้น 5 ตัว ที่ราคาปรับตัวขึ้นสวนภาวะตลาดหุ้นติดลบ นำโดย CBG,CPF,GLOBAL,EAและ OSP อีกทั้งยังนำเสนอกลุ่มหุ้น SET100 ที่ราคาปรับตัวลงแรงและราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้นตามตารารางประกอบดังนี้

โดยหุ้นที่ปรับตัวแรงเป็นอันดับ 1 ของคือบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ราคาหุ้นในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ปรับตัวขึ้น 152.50% จากระดับ 10.00 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62  มาอยู่ที่ระดับ 25.25 บาท ณ วันที่ 31 ก.ค.63 เนื่องจากธุรกิจถุงมือยางได้รับประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดและเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานในปีนี้

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35 บาท/หุ้น พร้อมประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 846 ล้านบาท +213% จากปีก่อน, ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจถุงมือยางที่ปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการเพื่อป้องกัน COVID-19 รวมถึงฐานที่ต่ำจากธุรกิจยางพาราในปีที่แล้วซึ่งมีการแข่งขันที่สูง

ขณะที่การทรงตัวจากไตรมาสก่อนมาจากธุรกิจยางธรรมชาติที่ปริมาณขายชะลอตัวลงเพราะลูกค้าในต่างประเทศประสบปัญหาการแพร่กระจายของ COVID-19 ทำให้ต้องมีการปิดโรงงานและหยุดการผลิตเป็นการชั่วคราวโดยเราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 3.85 พันล้านบาท จาก

1) Demand ของถุงมือยางยังคงสูงต่อเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ยังคงระบาดหนักในต่างประเทศ,  2) ราคาขายเฉลี่ยถุงมือยางปี 2020E ที่ปรับขึ้นเป็น 0.80 บาท/ชิ้น (+33%จากปีก่อน) 3) gross profit margin ดีขึ้นจากการปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตถุงมือยางไนไตรล์ขึ้นเป็น 40-45% ของกำลังการผลิต (จากไตรมาส 1/63 มีสัดส่วน 30%) และ 4) ธุรกิจยางธรรมชาติมีการแข่งขันที่ลดลงเนื่องจากคู่แข่งขันบางรายออกจากอุตสาหกรรมไปและการฟื้นตัวของความต้องการใช้จากประเทศจีน

ด้านราคาหุ้น SET100 ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีมีทั้งหมด 18 ตัว ได้แก่ BBL, KBANK, SCB, TCAP, PTTGC,  BCP, KTB, KKP, TOP, PSH, BANPU, AP, AAV, SIRI, SPALI, TMB, IRPC และ QH ดังตารางประกอบ อีกทั้งเป็นหุ้นที่ราคาขึ้นช้ากว่าตลาดฯ จึงคัดเลือกมานำเสนอนักลงทุนเพื่อพิจารณาในการลงทุนช่วงนี้

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button