โบรกฯ แห่อัพเป้า-ประมาณการ COM7 ปีนี้ คาดผลงานครึ่งปีหลังโตต่อ
โบรกฯ แห่อัพเป้า-ประมาณการ COM7 ปีนี้ คาดผลงานครึ่งปีหลังโตต่อ
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 45 บาท จากเดิมที่ 37 บาท จากการปรับประมาณการกำไรเพิ่ม และ re-rate PER ขึ้น เพื่อสะท้อนความต้องการอุปกรณ์เพื่อรองรับ 5G/IoT ที่อยู่ในระดับสูงในปี 2564
โดยมีมุมมองเป็นบวกจากแนวโน้มรายได้ที่จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้จาก Online ที่จะยังดีต่อเนื่อง และ Gross Profit Margin (GPM) จะกลับมาดีขึ้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้น 3% อยู่ที่ 1.27 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบจากปีก่อน) และปี 2564 ขึ้น 10% อยู่ที่ 1.53 พันล้านบาท (20% เมื่อเทียบจากปีก่อน) โดยกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง คาดขยายตัว 6% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 27% จากครึ่งปีแรก จากรายได้ที่จะขยายตัว 4% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 17%จากครึ่งปีแรก หนุนโดยยอดขาย iPhone 12 ที่จะเปิดตัวในเดือน ต.ค. และ average sale per bill ที่เพิ่มขึ้น
ด้านราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และ outperform SET +10%/+69% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ที่ดีกว่าคาดมาก โดย outlook ที่ยังดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/63) และปี 2564 จากการทยอยเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น Flagship, การซื้ออุปกรณ์สินค้าไอทีเพื่อรองรับ 5G และสินค้า IoT ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งตลาดสินค้า IoT ในประเทศไทยมีการอัตราการขยายตัวที่สูงเฉลี่ยมากกว่าปีละ 27% ในช่วงปี 2561-2573
ส่วน บล.ดีบีเอส วิเคอร์ส(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น COM7 พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 42 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF โดยกำไรไตรมาส 2/63 แกร่งเกินคาด กำไรหลักไตรมาส 2/63 ลดลงเป็น 273 ล้านบาท ถือว่าออกมาดีกว่าที่เราและตลาดคาด
โดยยอดขายอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวแม้ว่าได้มีการล็อกดาวน์ แต่ยอดขายที่ไม่ได้เป็นสโตร์ เช่น Pop Up ที่สำนักงานใหญ่ หรือ การไดร์ฟทรูมีการเติบโตน่าประทับใจ ทั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์จะฟื้นตัวดีขึ้นในงวดครึ่งปีหลัง จากการเปิดเมืองคลายล็อกดาวน์
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น COM7 หลังรายงานกำไรไตรมาส 2/63 เท่ากับ 275 ล้านบาท ดีกว่าคาด 93.7% ทางฝ่ายวิจัยฯได้ปรับประมาณการและราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 40 บาท (อิง PE 31 เท่า)
ขณะที่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ทยอยซื้อ” จากเดิม “ขาย” พร้อมประมาณราคาพื้นฐานใหม่ที่ 40 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังปี 2563 มีโอกาสเติบโตโดดเด่น ฝ่ายวิจัยฯ จึงปรับกำไรสุทธิปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 1,259 ล้านบาท คาดเติบโต 3.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และโตต่ออีก 7.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน แตะ 1,354 ล้านบาท ในปี 2563
ทั้งนี้แรงขับเคลื่อนหลักคาดยังคงมาจากการเติบโตของรายได้จากการขายจากทุกช่องทางการขายที่มีอยู่ของบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาขาที่มีอยู่เดิม 779 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 2/63 และสาขาที่เตรียมจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลงปี 2563 โดยตั้งเป้าสิ้นปี 2563 จะมีจำนวนสาขารวมกันไม่ต่ำกว่า 900 สาขา
อีกทั้งการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ที่คาดยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ตอบรับกระแสการเข้าสู่ยุค 5G แต่อาจถูกกดดันจาก GPM ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงจาก 13.2% ในปี 2563 เป็น 12.8% ในปี 2563 และปี 2564