ไอพีโอป้ายแดง SCM ลงสนามเทรด SET วันแรก ลุ้นราคาวิ่งแตะ 2.92 บ.
ไอพีโอป้ายแดง SCM ลงสนามเทรด SET วันแรก ลุ้นราคาวิ่งแตะ 2.92 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.ย.63) บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์
โดย SCM กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ SCM ที่ระดับ 1.90 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ก่อนการเพิ่มทุน เท่ากับ 13.86 เท่า ซึ่งราคาดังกล่าวถือว่า เป็นระดับราคาที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง และโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต จากปัจจัยบวกเรื่องโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่และความชัดเจนในข้อกฎหมายขายตรงในประเทศพม่า
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายชั้นนำแบรนด์ไทยที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นรายแรก เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าหุ้น SCM ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 8 กันยายน 2563 ในกลุ่มพาณิชย์ จะสามารถยืนเหนือราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 1.90 บาท/หุ้น
เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากยอดขายและรายได้ในช่วงที่ผ่านมา แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่รายได้ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 ยังอยู่ในระดับสูงถึง 417.77 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 19.46 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจาก 16.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 15.73%
“กำไรที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสินค้าของ SCM สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal ได้อย่างลงตัว เพราะผู้บริโภคใส่ใจดูแลสุขภาพ อีกทั้งเรายังมีการปรับกลยุทธ์ขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”
ด้านนายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนใน SET ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับธุรกิจขายตรง ตอกย้ำว่าเราคือตัวจริง ทีมผู้บริหารมีความเป็นมืออาชีพ มีความโปร่งใส และธรรมาภิบาล พร้อมเติบโตเคียงข้างกับนักธุรกิจเครือข่ายที่มีกว่า 1.8 แสนคนทั่วประเทศ
อีกทั้งยังมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนทั้ง 6 ประเทศ ประกอบด้วย เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ อีกทั้งโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ที่ลงทุนไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะช่วยผลักดันมาร์จิ้นให้สูงขึ้น และเป็นแรงส่งที่สำคัญในการผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในช่วง 3 – 5 ปีข้างหน้าให้เติบโต
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายกล่าวว่า SCM เป็นหุ้นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในปีนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง กำหนดราคา IPO ที่เหมาะสม ซึ่งราคาดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ก่อนการเพิ่มทุนเพียง 13.86 เท่า และมีดิสเค้าท์ในระดับที่จูงใจมากเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเป้าหมายที่โบรกเกอร์หลายแห่งได้ประเมินเอาไว้
โดยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หุ้น SCM จะเป็นหนึ่งใน Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากปัจจัยเรื่องเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่สอดรับกับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ และเตรียมลุยตลาด AEC เต็มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา อีกทั้ง การลงทุนในโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะช่วยดันมาร์จิ้นจากการผลิตให้สูงยิ่งขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จํากัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ หุ้น บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศผ่านธุรกิจแบบเครือข่ายแบรนด์ไทยเจ้าแรกที่เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปแห่งประเทศไทย (SET) ที่เตรียมเข้าเทรดใน SET วันที่ 8 กันยายน 2563 นี้ โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SCM ไว้ที่ 2.92 บาท/หุ้น อิง PER 16 เท่า ของประมาณการกำไรต่อหุ้นในปี 2564 เทียบค่า PER เฉลี่ยของบริษัทดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรงในภูมิภาคที่ 17 เท่า และมีส่วนลดจาก PER ของกลุ่มพาณิชย์ที่ 26 เท่า
ทั้งนี้ คาดว่า SCM จะมีกำไรปกติ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 24% ต่อปี จาก 70 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 128 ล้านบาท ในปี 2564 ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของธุรกิจเครือข่ายในเมียนมา และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรด้วยการลงทุนโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่า SCM กำลังเข้าสู่ช่วงของการขยายฐานนักธุรกิจและผลประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นขยายเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศควบคู่กับการเข้าสู่ธุรกิจต้นน้ำเพื่อปรับลดต้นทุนและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งมีการประเมินมูลค่าหุ้น SCM โดยการเปรียบเทียบมูลค่ากับ PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของผู้ประกอบธุรกิจใกล้เคียงในต่างประเทศที่ 19.00 เท่า โดยคิดเป็นมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 2.70 บาท/หุ้น อิงจาก PER สำหรับปี 2564
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 – 2564 ไว้ที่ระดับ 81.62 ล้านบาท และ 95.70 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่อง 38.24% และ 17.25% ตามลำดับ สำหรับการประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น SCM ได้อิงจาก P/E ที่เหมาะสมจากค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปี ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประมาณ 19.00 เท่า คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมของหุ้น SCM อยู่ที่ 2.64 บาท/หุ้น
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี PER โดยประเมิน PER ที่ระดับ 20.00 เท่า หุ้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ระดับ 24.00 เท่า บนคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2563 แบบ Fully diluted อยู่ที่ประมาณ 0.13 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าที่เหมาะสมออกมาได้เท่ากับ 2.60 บาท/หุ้น