โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” RS ชูเป้า 25 บาท มองครึ่งหลังโตแกร่ง ฉายแววปี 64 สดใสต่อเนื่อง
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” RS ชูเป้า 25 บาท มองครึ่งหลังโตแกร่ง ฉายแววปี 64 สดใสต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ด้วยราคาเป้าหมาย 25 บาทต่อหุ้น เนื่องจากประเมินผลประกอบการไตรมาส 3/63 ขยายตัวทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตจากไตรมาสก่อนจาก
1) รายได้ Media ที่ฟื้นตัวจากเม็ดเงินโฆษณาที่กลับมาฟื้นตัวในเดือน ก.ค. (+14% เทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน) และรับรู้รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง, 2) Commerce เดือน ก.ค. – ส.ค. รายได้ inbound & outbound ขยายตัวต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่กลับมาฟื้นตัวและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และ 3) gross profit margin ขยายตัว จาก commerce ที่ขยายตัว
สำหรับไตรมาส 4/63 คาดการเติบโตของกำไรยังดีต่อเนื่อง จาก High season อีกทั้งยังมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเจาะกลุ่ม Mass ในช่วง festive season คือ รังนกพร้อมดื่ม ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด อีกทั้ง RS คาดว่าจะสามารถสรุปดีล M&A อย่างน้อย 1 ดีลภายในไตรมาส 4/63
นอกจากนี้เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ของธุรกิจ RS ที่ได้วางรากฐานมา จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวในปีนี้ ดังนั้นคงประมาณกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 607 ล้านบาท (+67%เทียบกับปีก่อน) สำหรับปี 2564 เชื่อว่าเป็นปีทองของ RS ประเมินกำไรสุทธิที่ 751 ล้านบาท (+24% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน)
ด้านราคาหุ้น outperform SET +7% ใน 1 เดือนจากกำไรไตรมาส 2/63 ที่ดี หุ้น RS จัดเป็นหนึ่งในหุ้นกำไรแกร่งที่น่าจับตามองของกลุ่ม commerce โดยปัจจุบันเทรดที่ PER ปี 2564 ที่ 25.5 เท่า เทียบกับกำไรสุทธิที่เติบโตสูง (2561-65 = 34% CAGR) และเทียบกับ peer ในกลุ่ม Commerce ที่เทรดที่ PER 2564 ที่ 23.6 เท่า โดยกำไรยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องและยังมี upside จาก M&A
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/63 ขยายตัวจากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน และโมเมนตัมการเติบโตยังต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 โดยฝ่ายวิจัยประเมินผลประกอบการไตรมาส 3/63 ขยายตัวจากปีก่อนและไตรมาสก่อน จาก
1) รายได้ Media ที่ฟื้นตัวจากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน จากเม็ดเงินโฆษณาที่กลับมาฟื้นตัวในเดือน ก.ค. (+14% เทียบกับเดือนก่อน) และรับรู้รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง, 2) รายได้ Commerce ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในเดือน ก.ค. – ส.ค. รายได้ inbound & outbound ขยายตัวต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่กลับมาฟื้นตัว และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น collagen, pro -biotic (ไตรมาส 3/63), รับรู้รายได้จาก CoolAnything เต็มไตรมาสและรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากรายการ entertainmerce
เช่น นายจ๋าทาสมาแล้ว เพื่อเจาะกลุ่ม community ใหญ่ของคนรักสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะมีการจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงในรายการ และรายการ ราคาพารวย จะมีการนำสินค้าของ RS Mall มาขายในรายการในราคาพิเศษ “เคาะแล้วขาย” สำหรับเดือน ก.ย. เราคาดว่ารายได้จะดีขึ้น MoM จากการจัด Birthday Sale ซึ่งช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ และ 3) gross profit margin ขยายตัว จาก commerce ที่ขยายตัว
สำหรับไตรมาส 4/63 คาดว่าโมเมนตัมการเติบโตของรายได้และกำไรยังดีต่อเนื่อง จาก High season ของกลุ่ม Commerce อีกทั้งยังมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเจาะกลุ่ม Mass ในช่วง festive season คือ รังนกพร้อมดื่ม ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด อีกทั้ง RS คาดว่าจะสามารถสรุปดีล M&A อย่างน้อย 1 ดีลภายในไตรมาส 4/63
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จะขยายตัว +97% จากปีก่อน, +6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกำลังซื้อและเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว ดังนั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563/64 โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 607 ล้านบาท (+67% จากปีก่อน) บนสมมติฐาน
1) รายได้รวมขยายตัว +9% จากปีก่อน จาก commerce +21% จากปีก่อน จากรายได้ inbound และ outbound ที่ขยายตัวต่อเนื่อง, media +7% จากปีก่อน จากรายได้ช่อง 8 ที่ฟื้นตัวและรายได้ลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ด้าน music & other -34% จากปีก่อน จากผลกระทบของ COVID-19
และ 2) GPM ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 52.3% จากสัดส่วนรายได้ธุรกิจ commerce ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น GPM ของธุรกิจสื่อปรับตัวดีขึ้น และได้ประโยชน์จาก ม.44 โดย Amortization, ค่า USO Fee ที่ลดลงและค่า MUX ลดลง
สำหรับปี 2564 เชื่อว่าเป็นปีทองของ RS ประเมินกำไรสุทธิที่ 751 ล้านบาท (+24% จากปีก่อน) หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว +13% จากปีก่อน โดยรายได้จาก commerce +14% จากปีก่อน จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น, การออกผลิตภัณฑ์ใหม่, รับรู้รายได้จากช่องทีวีดิจิทัลอื่นๆ และแอพลิเคชั่น CoolAnything เปลี่ยนคนฟังเป็นคนซื้อเต็มปี, รายได้จาก Media ขยายตัว +11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว
รวมถึงรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ให้ OTT platform ที่ยังดีต่อเนื่อง, รายได้จาก music & others +16% จากปีก่อน จากรายได้ events ฟื้นตัว และ 2) GPM ขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน จากธุรกิจ commerce และ media อีกทั้งยังรับรู้ค่า MUX ที่ได้รับการยกเว้นเต็มปีลดลง