เปิดโผ 10 อันดับหุ้น SET100 ราคาพุ่ง-ร่วงแรงในรอบ 8 เดือน 2563
เปิดโผ 10 อันดับหุ้น SET100 ราคาพุ่ง-ร่วงแรงในรอบ 8 เดือน 2563
ดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ในช่วง 8 เดือนแรกปี 2563 ยังอยู่ในช่วงขาลงโดยเห็นได้จากดัชนียืนที่ระดับ 1579.84 จุด (ณ 30 ธ.ค.62) มาอยู่ที่ระดับ 1310.66 จุด (ณ 31 ส.ค.63) ลดลง 269.18 จุด หรือลดลง 17.03%
โดยในช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดมีปัจจัยลบกดดันหนัก ส่งผลให้มีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ถึง 3 ครั้งในเดือน มี.ค.2563 หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเพราะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจทั่วโลกรับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐจีน และจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน
จากภาวะดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นพื้นฐานแกร่งจนราคาปรับลงแรงเกินพื้นฐานหลายตัว ดังนั้นทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET100 ในช่วงดังกล่าวมานำเสนอเพื่อให้เห็นทิศทางราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา และเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งที่ปรับตัวลงแรงเกินพื้นฐาน โดยเทียบข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.62-30 มิ.ย.63
โดยจากการสำรวจข้อมูลกลุ่ม SET100 ในช่วงดังกล่าวพบว่ามีหุ้นปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นหลายตัว แต่ครั้งนี้จะขอเลือกนำเสนอเพียง 10 ตัว ที่ปรับตัวสวนภาวะตลาดหุ้นติดลบ นำโดย STA,RBF,TQM,JMT, COM7,RS,SUPER, MEGA, CBG,DOHOME นอกจากนี้ยังได้นำเสนอ 10 อันดับหุ้น SET100 ราคาร่วงแรงในรอบ 8 เดือน มานำเสนอตามตารางประกอบดังนี้
สำหรับอันดับ 1 ของกลุ่ม SET100 ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงคือ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA โดยราคาหุ้นในช่วง 8 เดือนปี 2563 ปรับตัวขึ้น 160% จากระดับ 10.00 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 26.00 บาท ณ วันที่ 31 ส.ค.63
โดยราคาหุ้นทะยานแรงเป็นผลมาจากแนวโน้มธุรกิจได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจที่ผลิตถุงมือยางได้ประโยชน์( จากบริษัทลูกSTGT ดำเนินธุรกิจถุงมือยาง) อีกทั้งราคายางฟื้นตัวเด่นเป็นบวกต่อธุรกิจ ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์มองว่ากำไรปีนี้และปีหน้าจะเติบโตเด่น และออกมาปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้ารวมทั้งราคาเป้าหมายทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นในช่วงดังกล่าว
บล.เคทีบี (ประเทศไทย)คงคำแนะนำ “ซื้อ” STA ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท อิง PER ที่ 14x (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) และยังคงแนะนำ ซื้อ NER ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท อิง PER เฉลี่ยที่ 9x (+1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลังจากเข้าตลาด) เริ่มชอบหุ้นยางพารามากขึ้น จากการที่ราคายางพาราเริ่มกลับมาสูงขึ้นจากความต้องการใช้ยางของจีนที่มีเพิ่มขึ้น มีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว
โดยราคายางอ้างอิงหลัก STR ปรับขึ้นมาที่ 46 บาทต่อกก. +7% wow จากความต้องการใช้ยางของจีนที่มีเพิ่มขึ้น หลังเริ่มฟื้นฟูประเทศและ COVID-19 คลี่คลาย ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมากระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มล้อยางรถยนต์ หากความต้องการยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในครึ่งปีหลังปี 2563 อาจจะทำให้ราคายางแท่งเฉลี่ยเกินกว่าสมมติฐานทั้งปีของที่ 41 บาทต่อกก.ถ้าราคายางแท่งครึ่งปีหลังสามารถยืนอยู่ที่ 46 บาทต่อกก. อาจจะทำให้ราคายางแท่ง STR ปรับขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 43 บาทต่อกก. และมีโอกาสปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น
คาดว่าหุ้นในกลุ่มยางพารา เช่น STA, NER จะตอบสนองเชิงบวกในช่วงนี้ราคาหุ้น STA ปัจจุบันปรับตัวขึ้น 10% (เมื่อเทียบกับ SET) ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ ราคาหุ้น NER ปรับตัวขึ้น 26% (เมื่อเทียบกับ SET) หลังผลการดำเนินงานไตรมาส2/63 ออกมาดีรวมถึงความต้องการยางที่ฟื้นตัวกลับมา
ปัจจุบัน STA เทรดที่ 2020E PER ที่ 9x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 14x ขณะที่ NER ซื้อขายที่ PER 8x ต่ำกว่า 2020E PER ที่ 9x (+1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลังจากเข้าตลาด) ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้เริ่มเข้าไป “ซื้อ” สะสม
สำหรับราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 10 อันดับแรก ในรอบ 8 เดือน 2563 ได้แก่ CRC,BANPU,KBANK,TMB,AEONTS,ERW, JAS,KTB,SCB และTOP ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นจะอ่อนตัวลงแรง แต่หากมองอีกด้านถือเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าสะสมหุ้นเล็กราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีเข้าพอร์ตอีกครั้ง
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน