เปิด 17 หุ้นน่าซื้อสะสม ลุ้นดีดกลับปลายปีนี้-วิ่งยาวถึงปีหน้า!

เปิด 17 หุ้นน่าซื้อสะสม ลุ้นดีดกลับปลายปีนี้-วิ่งยาวถึงปีหน้า!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในระยะสัปดาห์ เพื่อที่จะให้นักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์รับมือภาวะตลาดที่ยังคงผันผวนสูงได้ โดยนักวิเคราะห์มองว่า SET Index มีแนวโน้มผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะสั้นตามทิศทางหุ้นโลกและราคาน้ำมัน แต่ยังคงมุมมองเป็นจังหวะซื้อสะสม

โดยเฉพาะหาก SET Index ปรับลงมาที่บริเวณ 1,200 จุดหรือต่ำกว่า เชื่อว่าระดับการประเมินมูลค่าดังกล่าวน่าจะจูงใจเม็ดเงินจำนวนที่ยังอยู่ในเงินฝากธนาคารและตลาดเงิน (Money Market) โยกเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น หุ้นที่น่าสะสม เพื่อการลงทุน หวังผลปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า แนะนำ AEONTS, AOT, BAM, BDMS, BEM, CPALL, KTC, MTC และ WHA

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยมีปัจจัยดังนี้

– ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ทั้งหุ้นและน้ำมันปรับตัวลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ต.ค.) โดย SET Index ร่วง 10 จุด มาปิดที่ 1237 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หลังทราบข่าวประธานาธิบดี ทรัมป์ พร้อมภรรยาติดเชื้อ COVID-19 และปัจจุบันกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทหารวอลเทอร์รีดในกรุงวอชิงตันดีซี

– ข่าวการติดเชื้อฯ ของประธานาธิบดีทรัมป์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่มีการโต้วาทีของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบแรกเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา และนำไปสู่การตรวจหาเชื้อฯ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงนาย ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตด้วย แต่ผลการตรวจของไบเดนเป็น Negative

– การรักษาตัวของทรัมป์ มีผลกระทบต่อกำหนดการหาเสียงในรัฐต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจแพ้ศึกการเลือกตั้งในช่วง 1 เดือนสุดท้ายที่คะแนนของทรัมป์ยังเป็นรองไบเดนอยู่มาก

– จากข้อมูลโพลเฉลี่ยของเว็บไซต์ RealClearPolitics.com นับตั้งแต่มีการโต้วาทีครั้งแรกเป็นต้นมา คะแนนของไบเดนปรับตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด 5 วันติดต่อกัน ล่าสุดมาอยู่ที่ 50.6 จุด vs ทรัมป์ที่คะแนนลดลงมาอยู่ที่ 42.5 จุด สอดคล้องกับตลาดรับพนันของเว็บไซต์ Predictit.org ที่อัตราต่อรองประเมินโอกาสที่ไบเดนจะชนะการเลือกตั้งพุ่งแตะระดับ 63% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ ก่อนที่จะอ่อนตัวเล็กน้อยมาอยู่ที่ 61% หลังมีข่าวว่าทรัมป์อาจได้ออกจากโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์นี้ (5 ต.ค.)

– อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ทรัมป์ป่วยหนักต้องรักษาตัวเป็นเวลานานหรือเลวร้ายถึงขั้นเสียชีวิต เราเชื่อว่าการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ยังคงดำเนินต่อไปตามกำหนดการเดิมเพราะนาย ไมค์ เพนซ์ ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีคาดจะเป็นผู้ทำหน้าที่แทน (ผลการตรวจเชื้อฯ ล่าสุดของไมด์ เพนซ์เป็น Negative)

– นอกจากนี้ การเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่อำนาจของประธานาธิบดี แต่เป็นอำนาจของสภาคองเกรส ซึ่งเรามองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพรรคเดโมแครตเป็นผู้ควบคุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และยิ่งไปกว่านั้น ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ยังไม่เคยมีการเลื่อนการเลือกตั้งเลยแม้จะเผชิญอยู่ในภาวะสงคราม, ภัยธรรมชาติ, การโจมตีจากผู้ก่อการร้าย, การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และการตกต่ำของภาวะเศรษฐกิจก็ตาม

– มองไบเดนมีโอกาสสูงขึ้นจะชนะศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป คาดจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น EM เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะถูกดดันจากนโยบายขึ้นภาษีของไบเดน แต่ขณะเดียวกันนโยบายต่างประเทศของไบเดนที่ประนีประนอมมากกว่าทรัมป์ คาดจะทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะจีน ผ่อนคลายลง น่าจะช่วยกระตุ้นกระแสเงินทุนต่างประเทศเคลื่อนย้ายเข้าสู่หุ้น EM มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียในปีนี้ที่มีเงินไหลออกเกือบทุกตลาดยกเว้นจีนและอินเดีย

– ถึงแม้ SET Index มีแนวโน้มผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะสั้นตามทิศทางหุ้นโลกและราคาน้ำมัน แต่เรายังคงมุมมองเป็นจังหวะซื้อสะสม โดยเฉพาะหาก SET Index ปรับลงมาที่บริเวณ 1200 จุดหรือต่ำกว่า เพราะเชื่อว่าระดับการประเมินมูลค่าดังกล่าวน่าจะจูงใจเม็ดเงินจำนวนที่ยังอยู่ในเงินฝากธนาคารและตลาดเงิน (Money Market) โยกเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น หุ้นที่น่าสะสม เพื่อการลงทุน หวังผลปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า แนะนำ AEONTS, AOT, BAM, BDMS, BEM, CPALL, KTC, MTC และ WHA

– สำหรับหุ้นที่เรามองว่ามีโอกาส Outperform กว่าตลาดในระยะสั้น จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ภายใต้ภาวะตลาดมีความไม่แน่นอน ดังนี้

1) กลุ่มเกี่ยวข้องกับการเติบโตของเทคโนโลยีและกระแส New Normal  HANA, COM7, ILINK, SYNEX

2) กลุ่มหุ้นปันผลที่ให้ Div. Yield สูงกว่า 4% ต่อปี และค่า Beta น้อยกว่า 1 เท่า ชอบ EASTW, INTUCH, QH, NYT, PROSPECT, RATCH, TVO

3) กลุ่มหุ้น Small Cap ที่คาดงบไตรมาส 3/2563 จะออกมาดี โดยหุ้นเด่นที่เราแนะนำในเดือน ต.ค. ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้น Small Cap คือ BGC, PRM SEAFCO, SMPC, SYNEX, TPIPL

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button