5 หุ้น mai เก็งกำไรสนั่น! 9 เดือนราคาพุ่งกระฉูดเกิน 100%

5 หุ้น mai เก็งกำไรสนั่น! 9 เดือนราคาพุ่งกระฉูดเกิน 100%


ดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ในช่วงช่วง 9 เดือนแรกปี 2563 ยังอยู่ในช่วงขาลงโดยเห็นได้จากดัชนียืนที่ระดับ 1579.84 จุด (ณ 30 ธ.ค.62) มาอยู่ที่ระดับ 1237.04 จุด (ณ 30 ก.ย.631 ส.ค.63) ลดลง 342.8 จุด หรือลดลง 21.69%

โดยในช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดมีปัจจัยลบกดดันหนัก ส่งผลให้มีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ถึง 3 ครั้งในเดือน มี.ค.หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเพราะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจทั่วโลกรับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐจีน และจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน

ด้านตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ฟื้นตัวเล็กน้อย โดยเห็นได้จากดัชนีอยู่ที่ดับ 309.54 จุด  ณ วันที่ 30 ธ.ค.62  มาอยู่ที่ระดับ 315.85  จุด ณ วันที่ 30 ก.ย.63 บวก 6.31 จุด หรือเพิ่มขึ้นลดลง 2.03% ดังนั้นครั้งนี้ทีมข่าวข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจกลุ่มหุ้น mai ในช่วงดังกล่าวมานำเสนอ

โดยครั้งนี้คัดเลือกเฉพาะหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงกว่าตลาด และราคาพุ่งแรงเกิน100% นำโดย SIMAT,ZIGA,VCOM,MBAX และAIE โดยเทียบข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.62-30 ก.ย.63 ตามตารางประกอบดังนี้ 

อันดับ 1 ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงคือ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT โดยราคาหุ้นในช่วง 9 เดือนปี 2563 ปรับตัวขึ้น139.74% จากระดับ 1.56 บาท   ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 3.74 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.63

ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 9 เดือนคาดนักลงทุนเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก ขณะเดียวกันคาดเข้ามาเก็งกำไรผลการดำเนินงานบริษัทปี 2563 กลับมาฟื้นตัวรอบใหม่ หลังจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2563 พลิกมีกำไร 30.22 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 7.42 ล้านบาท

ด้านบริษัทเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจรทั้งการจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ การพัฒนาซอฟท์แวร์ และการให้บริการบำรุงรักษาทั่วประเทศ นอกจากนี้ให้บริการออกแบบ พัฒนา และแปรรูปสิ่งพิมพ์มีกาว สำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการจัดหาและพัฒนาวัตถุดิบ และออกแบบกระบวนการผลิตให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติเฉพาะตรงตามความต้องการของลูกค้า

อีกทั้งให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber optic) ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและเชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ “SINET” – จำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ้ค พริ้นเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ในลักษณะขายเป็นโครงการใหญ่ ให้แก่ หน่วยงานรัฐบาล และ บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ในประเทศมาเลเซีย

 

อันดับ 2 บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA โดยราคาหุ้นในช่วง 9 เดือนปี 2563 ปรับตัวขึ้น137.25% จากระดับ 1.02 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 2.42 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.63คาดนักลงทุนเข้าเก็งกำไรผลการดำเนินงานปีนี้โดดเด่น

โดยก่อนหน้านี้ นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานกรรมการบริหาร ZIGA เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2563 รายได้รวมและกำไรสุทธิจะเติบโตแรง หรือจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 และอาจจะมากกว่าไตรมาส 1/2563 และไตรมาส 2/2563

โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ และมีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ประกอบกับช่องทางจำหน่ายออนไลน์ที่ขยายตัวสูง ซึ่งสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการแก่ลูกค้าฐานเดิมได้มากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเติบโตในอนาคต เพราะมูลค่าตลาดโดยรวมกว่าแสนล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้ ZIGA หลักพันล้านบาทเท่านั้น

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) รวม 300-400 ล้านบาท โดยสามารถทยอยส่งมอบงาน และรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังคงเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและการขายตรงมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านขายขนาดเล็ก (Retail Outlet) 4 สาขา กระจายอยู่ในหัวเมืองใหญ่

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 4/2563 คาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 502.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 38.54 ล้านบาท เนื่องจากมีคำสั่งซื้อสินค้า (Order) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 2562 ทั้งปีที่มีกำไรสุทธิ 35.26 ล้านบาท และเมื่อประกาศงบไตรมาส 3/2563 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 2561 ทั้งปีที่มีรายได้รวม 871.02 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 42.56 ล้านบาท

ดังนั้นประเมินว่าในปี 2563 จะมีรายได้รวมและกำไรสุทธิทำนิวไฮในรอบ 3 ปี โดยจะมีรายได้รวมสูงระดับ 1,000 ล้านบาท และคาดจะมีกำไรสุทธิสูงระดับ 100 ล้านบาท หรือเทียบเท่าปี 2560 ที่มีรายได้รวม 909.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 131.68 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด มหาชน ระบุว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ZIGA ให้ราคาเหมาะสมปี 2564 อยู่ที่ 3.30 บาทต่อหุ้น คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 ของ ZIGA จะทำนิวไฮมีกำไรสุทธิ 31.81 ล้านบาท เติบโต 12% จากไตรมาส 2/2563 ที่มีกำไรสุทธิ 28.40 ล้านบาท และมียอดขายรวม 518 ล้านบาท หลังฐานลูกค้าออนไลน์และกลุ่มลูกค้าปลีกเข้ามาช่วยผลักดันรายได้ให้ขยายตัวสูง ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2563 จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น เพราะมีวันหยุดเยอะ อาจทำให้ยอดขาย และกำไรสุทธิอ่อนตัวลง

นอกจากนี้ ประเมินว่าผลการดำเนินงานปี 2563 จะมียอดขายรวมอยู่ที่ 1,370 ล้านบาท เติบโต 72.90% และมีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท เติบโต 163.90% จากปี 2562

 

อันดับ 3 บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ VCOM โดยราคาหุ้นในช่วง 9 เดือนปี 2563 ปรับตัวขึ้น 117.86% จากระดับ 2.80 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 6.10 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.63 คาดนักลงทุนเข้าเก็งกำไรผลการดำเนินงานปีนี้โดดเด่น

โดยก่อนหน้านี้นางทรงศรี ศรีรุ่งเรืองจิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ VCOM เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้อยู่ที่ 2,045 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,781.83 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากการขายจำนวน 1,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,126.50 ล้านบาท

สำหรับVCOM ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Distributor) และให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย

 

อันดับ 4 บริษัท มัลติแบกซ์ จำกัด (มหาชน)  หรือ MBAX  โดยราคาหุ้นในช่วง 9 เดือนปี 2563 ปรับตัวขึ้น 104.84% จากระดับ 3.10 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 6.35 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.63

คาดนักลงทุนเข้าเก็งกำไรผลการดำเนินงานปีนี้โดดเด่น หลังผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.20 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 25.54 ล้านบาท

สำหรับบริษัทผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกบรรจุภัณฑ์ในลักษณะผลิตตามคำสั่ง (Made to Order) ของลูกค้าเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ

 

อันดับ 5 บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ราคาหุ้นในช่วง 9 เดือนปี 2563 ปรับตัวขึ้น 100.00% จากระดับ 0.30 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 0.60 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.63 คาดนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กและลุ้นผลการดำเนินงานปี 2563 โตโดดเด่น

ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2563 พลิกมีกำไรโดดเด่นทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าว สำหรับผลงานครึ่งปีแรก 2563 บริษัทมีกำไร 180.65 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 60.54 ล้านบาท

สำหรับบริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจผู้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันพืช กลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ จากน้ำมันปาล์มดิบคุณภาพดี

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button