โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” TFG เคาะเป้าสูง 5.40 บ. มองกำไรปีนี้โต 23% รับยอดส่งออกพุ่ง
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” TFG เคาะเป้าสูง 5.40 บ. มองกำไรปีนี้โต 23% รับยอดส่งออกพุ่ง
นายสัตวแพทย์เพชร นันทวิสัย รองประธานสายงานฟาร์มและพัฒนาคุณภาพ บริษัทไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เชื่อมั่นว่ายอดขายปีนี้กลับมาเติบโต 10% มาที่ 3.3 หมื่นล้านบาทจากปีก่อน จากเดิมที่ได้ปรับลดเป้าหมายเหลือเติบโต 5% หลังแนวโน้มผลงานในไตรมาส 3/63 ออกมาดีกว่าคาด
อีกทั้งบริษัทยังคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1,440 ล้านบาท โดยรักษา Net Profit Margin ได้ 7-8% และอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตเลข 2 หลักหรือมากกว่า 10% เพราะราคาสุกรในประเทศปรับตัวดีขึ้นผลักดันให้มาร์จิ้นสูงขึ้น พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายการบริหาร และราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวลงมาก
พร้อมกันนั้น บริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตสุกรมากขึ้น 25% ต่อปี ทั้งในไทยและเวียดนาม ในช่วง 3 ปีหรือปี 64-66 ด้วยงบลงทุน 7,500 ล้านบาท หรือปีละ 2,500 ล้านบาท ทำให้บริษัทปรับสัดส่วนรายได้ธุรกิจสุกรมากขึ้นเป็น 40% จาก 30% ในปี 62 และปี 63 เริ่มขยับขึ้นมา 33% เพื่อสร้างกำไรที่มีเสถียรภาพ อีกทั้งดึงธุรกิจขายปลีก”ไทย ฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” เจาะหารายได้ใหม่ของกลุ่ม
ด้านบล.ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TFG ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท/หุ้น โดยฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการเดิมคาดกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้น +23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขิ้น +15% อยู่ที่ 60,000 ตัน จากการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น และอียู รวมถึงจีนที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยอดส่งออกจะได้ผลกระทบ COVID-19
โดยเฉพาะในยุโรปจากปัญหาการขนส่งในช่วงไตรมาส 2/63 แต่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มกลับมาส่งออกได้ตามเป้าหมาย สำหรับต้นทุนอาหารสัตว์โดยเฉพาะกากถั่วเหลืองนำเข้าบริษัทได้มีการล็อกราคาไว้ถึงสิ้นปีนี้แล้ว และราคาข้าวโพดในประเทศบริษัทได้มีการล็อกราคาข้าวโพดอาหารสัตว์ไว้แล้วถึงไตรมาส 3/63
ทั้งนี้ บริษัทยังคงวางงบลงทุนขยายกำลังการผลิต 2,500-3,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีนี้ จาก 1) ขยายกำลังการผลิตสุกรในประเทศปีนี้เพิ่มขึ้น +10% ปีหน้า +15% และขยายกำลังการผลิตสุกรในเวียดนามเพิ่มเท่าตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 63 2) ขยายโรงงานอาหารสัตว์และขยายธุรกิจ food ไส้กรอก ไปกับช่องทางจำหน่ายของสาขาที่มีอยู่
อย่างไรก็ดี คาดแนวโน้มผลประกอบการช่วง 3 ปียังเติบโตต่อเนื่องจากปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งเนื้อไก่และสุกรจากผลกระทบโรคระบาดในสุกรที่ประเทศจีนและเพื่อนบ้าน ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 5.40 อ้างอิง PER -0.5STDV ที่ 16 เท่า โดยราคาปัจจุบันมีระดับ PER20F ที่ 12.5X, Dividend Yield 20F อยู่ที่ 2.6%