15 หุ้นทนแรงเสียดทาน-สภาพคล่องสูง Q3 โกยเงินสดเพิ่ม ไม่หวั่นภาวะศก.
15 หุ้นทนแรงเสียดทาน-สภาพคล่องสูง Q3 โกยเงินสดเพิ่ม ไม่หวั่นภาวะศก.
สืบเนื่องจากสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกนับตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีตลาดหุ้นไทยหลังจากการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 สิ้นสุด 30 ก.ย.2563 จนเสร็จสิ้นไปแล้ว มีหุ้นหลายบจ.ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวะตลาดโดยรวม อีกทั้งผลประกอบการไตรมาส 3/2563 เริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 2/2563
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวานนี้ (17 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในภาคเช้า และมีแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างหนัก ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลงมาปิดที่ระดับ 1,349.81 จุด ปรับตัวลดลง 1.25 จุด หรือ 0.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9 หมื่นล้านบาท และก่อนหน้านี้มีหุ้นหลายบริษัทที่ปรับตัวขึ้นตามอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบในเรื่องของการเมืองทำให้ตลาดฯ ยังคงถูกกดดันต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ดังนั้นมองว่าตลาดหุ้นไทยจึงมีความผันผวนสูง และจะมีแรงขายทำกำไรบริษัทที่ขึ้นแรงเกินพื้นฐานออกมา
อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นปลอดภัยที่มีสภาพคล่อง มีหนี้สินต่ำ และมีกระแสเงินสดสุทธิในไตรมาส 3 เป็นบวก ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นที่น่าเข้าลงทุน เพราะถึงแม้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ยังสามารถทนแรงเสียดทานของเศรษฐกิจโลกได้เป็นอย่างดีจึงสามารถทนแรงเสียดทานได้สูง
ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมหุ้นปลอดภัย ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่ม SET100 ซึ่งมีอัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio) สูงกว่า 1 เท่า และมีส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio : D/E) ต่ำ
ทั้งนี้ได้ทำการคัดเลือกบริษัทเข้าเกณฑ์จากกลุ่ม SET100 ได้ทั้งหมด 15 บจ. ประกอบด้วย CPF SCC PTT BCP GULF GPSC BCPG AP CKP CK WHA TU SIRI GLOBAL และ ORI และมีข้อมูลดังตารางด้านล่าง
สำหรับหุ้นที่ทำการคัดเลือกมานั้น เป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดสุทธิเป็นบวก โดยอิงข้อมูลจากงบการเงิน ณ ไตรมาส 3/2563 เนื่องจากหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว เป็นหุ้นที่คาดว่าจะถูกขายทำกำไรออกมาน้อย เพราะมีสภาพคล่องสูง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีความสามารถในการขยายธุรกิจ และความสามารถทำกำไรสูง
โดย Current ratio คือ อัตราส่วนระหว่าง สินทรัพย์หมุนเวียน และ หนี้สินหมุนเวียน ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพคล่องของกิจการในการที่จะชำระหนี้ระยะสั้น หากมีค่าน้อยกว่า 1 เท่ากับว่ากิจการมีหนี้สินหมุนเวียนมากกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนทำให้อาจมีปัญหาในการชำระหนี้ระยะสั้นได้
ขณะที่ อัตราส่วน D/E จะแสดงโครงสร้างเงินทุนของกิจการว่าสินทรัพย์ของกิจการมาจากการกู้ยืม หรือมาจากทุนของกิจการ หากอัตราส่วนนี้สูงกว่า 1 เท่า เท่ากับว่าบริษัทมีหนี้สินมากกว่าส่วนทุน ซึ่งหากอัตราส่วนดังกล่าวสูงมากๆ เท่ากับว่าบริษัทมีโอกาสที่กิจการจะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้สูงตามไปด้วย เนื่องจากหนี้สินที่สูง
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน