โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” BEC เป้าใหม่ 8.70 บ. มองผลงานผ่านจุดต่ำสุด ลุ้นฟื้นเด่นปี 64-65
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” BEC เป้าใหม่ 8.70 บ. มองผลงานผ่านจุดต่ำสุด ลุ้นฟื้นเด่นปี 64-65
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท/หุ้น
โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 4/63 กำไรยังคงขยายตัวโดดเด่นจากปีก่อน โดยพลิกฟื้นจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/62 และยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อน จาก 1) รายได้โฆษณาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจาก utilization rate ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้เดือน ต.ค. – พ.ย. เติบโตจากเดือนก่อน เนื่องจากละครเรื่องร้อยเล่ห์มารยา (ขายโฆษณาได้เต็มหมด), 2) รายได้จาก global content licensing (GCL) คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 2/63 ที่ 151 ล้านบาท (ไตรมาส 3/63 = 66 ล้านบาท)
3) รายได้ digital revenue คาดว่าจะอยู่ที่ 150 ล้านบาท ขยายตัวจากไตรมาสก่อน และ 4) GPM ยังคงขยายตัวจากปีก่อน และไตรมาสก่อน โดยเชื่อมั่นว่ารายได้ค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชย content cost ที่เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นจึงคงประมาณการปี 2563 ขาดทุนสุทธิที่ -371 ล้านบาท และปี 2564 มีกำไรสุทธิที่ 459 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และ outperform SET 28% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน BEC เทรดอยู่ที่ PER ปี 2564 ที่ 31.1 เท่า โดยมองว่าราคาปัจจุบันน่าสนใจ โดยผลประกอบการของ BEC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564 และเติบโตสูงต่อเนื่องในปี 2565 จากเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง และความพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมีนัยยะ
สำหรับปี 2564 เราคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 459 ล้านบาท บนสมมติฐาน 1) รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น +13% จากปีก่อน จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวและรายได้ที่เติบโตในทุกธุรกิจ, 2) gross profit margin ขยายตัวจากปีก่อน จากการรับรู้ cost saving จากปรับลด content cost, ปรับ organization structure เต็มปี และการยกเว้นค่า MUX fee เต็มปี
พร้อมกันนี้ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 8.70 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 38.0 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Media (เดิม 6.20 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 27.0 เท่า ) เรามองว่า PER 38.0 เท่า มีความเหมาะสม จากแนวโน้มผลประกอบการที่ turnaround ในปี 2564 และยังเติบโตต่อเนื่อง +39% ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลประกอบการของ BEC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564