คัดเน้นๆ 5 หุ้นแบงก์ราคาต่ำบุ๊ก-พ่วงปันสูง!
คัดเน้นๆ 5 หุ้นแบงก์ราคาต่ำบุ๊ก-พ่วงปันสูง!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบจ.ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยคัดเลือกบจ.ที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้น โดยหุ้นดังกล่าวจะมีอัตราส่วนราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ต่ำกว่า 1 เท่า และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง โดยคัดเลือก Dividend Yield สูงเกิน 4% มาประกอบเพื่อให้นักลงทุนควรพิจารณาจากอัตราส่วนทางการเงินประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หากหุ้นเหล่านี้ราคายังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานทางบัญชีจะมี P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า เท่ากับว่าราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนกับมูลค่าทางบัญชี ราคาหุ้นจึงมีโอกาสที่ราคาจะยังปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้พบว่า มีบจ.ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวทั้งหมด 5 บจ. ประกอบด้วย TCAP LHFG SCB KTB BBL และ KBANK
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ม.ค.2564) น้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ Overweightทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 63 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะอ่อนแอลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนเพราะตั้งสำรอง ECL สูง โดยประเมินกำไรสุทธิของ 6ธนาคารที่เราวิเคราะห์ไว้ที่ 8.68 หมื่นล้านบาทในปี 63 ซึ่งหดตัว -33% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยหลักมาจากการตั้งสำรอง ECL เพิ่มขึ้นถึง +59% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ขณะที่ TMB เป็นธนาคารเดียวที่คาดว่ากำไรสุทธิปี 63 จะเติบโต เพราะมีการทำงบการเงินรวมกับ TBANK ตั้งแต่ธ.ค.62 ส่วน KBANK จะมีกำไรสุทธิลดลงมาที่สุด 47% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เพราะตั้งสำรอง ECL มากและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง
ด้านกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรอง (PPOP) ของปี 63 คาดว่าจะขยายตัวได้ ซึ่งเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้ลดลง เราประมาณการ PPOP ของกลุ่มเพิ่มขึ้น +17% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในปี 63 นำโดย TMB ซึ่ง PPOP โตกว่าเท่าตัวหลังควบรวมกับ TBANK ตามมาด้วย SCB ที่โต +14%, KTB +13% และ KKP +12%
ทั้งนี้ให้น้ำหนักลงทุน Overweight สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยมีหุ้น Top picks เป็น KBANK และ TISCO ทั้งนี้จุดเด่นของกลุ่มคือ ธุรกิจที่ยังมั่นคง ฐานะเงินกองทุนธนาคารพาณิชย์ไทยแข็งแรง และ Valuation จูงใจ
โดยเลือก KBANK เป็นหุ้นเด่นปี 64 เพราะคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวได้ดี ส่วนหนึ่งมาจากฐานกำไรปี 63 อยู่ในระดับต่ำ ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิปี 64 จะขยายตัวได้ +10% ขณะที่แบงค์อื่นๆ กำไรทรงตัวถึงขยายตัวเลขหลักเดียว รวมทั้งราคาปัจจุบันมี P/BV ต่ำเพียง 0.6 เท่า
ส่วน TISCO ชอบที่มีเงินกองทุนสูง, ROE สูง และให้ DY สูง ส่วนกำไรสุทธิปี 64 ประเมินว่าจะโต 8% (เป็นลำดับรองลงมาจาก KBANK และพอๆ กับ SCB)
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน