เปิด 14 หุ้นเด่น “ค้าปลีก-อาหาร-เครื่องดื่ม” รับเต็มมาตรการเยี่ยวยา “เราชนะ”
เปิด 14 หุ้นเด่น "ค้าปลีก-อาหาร-เครื่องดื่ม" รับเต็มมาตรการเยี่ยวยา “เราชนะ”
วานนี้(19 ม.ค.64) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมผ่านระบบ Video Conference มีมติเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้โครงการ “เราชนะ” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยจะจ่ายเงินเยียวยาจำนวน 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน รวมเป็นเงิน 7,000 บาท ให้กับแรงงานที่อยู่นอกระบบ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกร และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ต้องไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากอยู่ในบัญชีมากกว่าที่กำหนด รวมทั้งสิ้นประมาณ 31 ล้านคน และจะใช้งบประมาณราว 2.1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.-12 ก.พ.64
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ได้สิทธิรับเงินเยียวยา 2 เดือน วงเงินรวมคนละ 7,000 บาท ที่จะได้รับสิทธิอัตโนมัติโดยไม่ต้องลงทะเบียน ได้แก่ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน ส่วนผู้ที่เปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ประมาณ 15.3 ล้านคน จะต้องถูกคัดกรองอีกครั้ง ว่าจะมีคุณสมบัติตามเกณฑ์หรือไม่
จากมาตรการเยี่ยวยาดังกล่าวทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จากมาตรการเยียวยาโควิด-19 “เราชนะ” มานำเสนอนักลงทุน โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ชั้นนำ อาทิ บล.คันทรี่ กรุ๊ป,บล.กรุงศรี ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.คันทรี่ กรุ๊ป และ บล.เอเซีย พลัส
โดยโบรกฯส่วนใหญ่มองว่าเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม อาทิ CRC,HMPRO,CPALL,OSP,TVO,TKN, SAPPE,BJC,DOHOME,GLOBAL,MAKRO,RBF,CBG และTACC ซึ่งได้ระบุในบทวิเคราะห์ดังนี้
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า แนะติดตามการประชุม ครม. คาดจะเห็นความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผู้รับผลกระทบจาก COVID-19 ภายใต้ชื่อโครงการ “เราชนะ” นโยบายข้างต้นจะเป็นการแจกเงิน 3,500 พัน / คน / เดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน (7,000 บาท) ซึ่งกระทรวงการคลังคาดว่าผู้รับสิทธิ์ต่อโครงการดังกล่าวจะอยู่ประมาณ 30-35 ล้านคนคิดเป็นมูลค่าราว 2.1 แสนล้านบาท
ในความเห็นประเมินว่าโครงการดังกล่าวข้อดีคือเป็นเงินสดที่ตรงถึงมือประชาชน สามารถจับจ่ายได้ทันทีและไม่ได้มีข้อจำกัดว่าจะต้องเฉพาะกับร้านที่ลงทะเบียนกับรัฐบาล ซึ่งจะทำให้บริษัทจดทะเบียนได้รับผลบวกมากกว่าโครงการ “คนละครึ่ง”ประเมินเป็นบวกต่อ (BJC, CPALL,DOHOME GLOBAL)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังจากที่ ครม. เห็นชอบในหลักการไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การประชุม ครม. วานนี้ที่ประชุมจะมีมติเห็นชอบและประกาศรายละเอียดของแต่ละมาตรการ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทและตลาดประเมินผลกระทบต่อภาพรวม ศก.(GDP) และผลบวกในแต่ละ Sector (ค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์) ได้มากขึ้น โดยเฉพาะ DOHOME (ซื้อ/เป้า สูงสุด BB Consensus 16.4) ภาครัฐแจกเงินเยียวยา Covid-19 รอบใหม่ 3,500 บาท ต่อคน 2 เดือน ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ DOHOME ได้ประโยชน์เพราะรายได้หลักกว่า 80% มาจากต่างจังหวัด
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด SET Index ยังอยู่ในช่วงแกว่งสร้างฐาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศจับตาประชุมครม.เคาะมาตรการเราชนะ รวมถึงอยู่ในช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/2563 ของกลุ่มธนาคาร
โดยประเมินการพักฐานของ SET Index ยังเป็นจังหวะเข้าทยอยสะสมระยะกลาง-ยาวบริเวณ 1,450-1,480 จุด หลังจากปรับตัวขึ้นแรงและเร็วในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้า โดยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนที่คาดไหลเข้าในปีนี้จากสภาพคล่องในโลกที่สูงและเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้น ส่วนระยะสั้นคาดกลุ่มที่ยัง Laggard อย่างค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม มีโอกาส Outperform กลยุทธ์ : ลงทุนในกลุ่มที่ยัง Laggard Play และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,450-1,480
ขณะที่ล่าสุดวานนี้การประชุมครม.ได้มีการอนุมัติโครงการ เราชนะ แจกเงิน 3,500 บาท 2 เดือน เบื้องต้นคาดจะช่วยเยียวยาได้ 35 ล้านคน รวมวงเงินราว 2.4 แสนลบ. โดยสิ่งที่ต้องติดตามคือเงื่อนไขการใช้ง่ายว่าสามารถใช้กับร้านค้าประเภทใดได้บ้าง รวมถึงเตรียมเปิดลงทะเบียน คนละครึ่ง เฟส 2 อีก 1.34 ล้านสิทธิ มองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยัง Laggard ตลาด ชอบ MAKRO, BJC,CPALL RBF,OSP,CBG,TACC
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มาตรการเยี่ยวยาผลกระทบจาก COVID-19 รอบใหม่ของรัฐ คือ มาตรการ “เราชนะ” จ่ายเงินเยียวยา 3,500 บาท/คน ระยะเวลา ก.พ.-มี.ค.64 รวม 31 ล้านคน วงเงินราว 2.17 แสนลานบาท หรือ 1.9% ของ GDP หลังจากอาทิตย์ที่แล้ว ครม.ได้อนุมัติมาตรการลดค่าครองชีพอื่นๆของประชาชน
โดย ASPS ประเมินจะช่วยเพิ่มการจับจ่ายของประชาชนเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก แนะนำลงทุน CRC ([email protected]),HMPRO ([email protected]) และ CPALL ([email protected]) รวมถึงหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น OSP ([email protected]), TVO ([email protected]), TKN ([email protected]) และSAPPE ([email protected])
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน