KBANK ตั้งสำรองเพิ่ม กดกำไรปี 63 ลด 24% เหลือ 2.9 หมื่นลบ.
KBANK ตั้งสำรองเพิ่ม กดกำไรปี 63 ลด 24% เหลือ 2.9 หมื่นลบ.
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 และงวดปี 2563 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2563 จำนวน 29,487 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 9,240 ล้านบาท หรือ 23.86% ซึ่งเป็นการตั้งสำรองฯ ตั้งแต่ในครึ่งแรกของปีเป็นจำนวนรวม 32,064 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ธนาคารและบริษัทย่อยใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss: ECL) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 9,536 ล้านบาท หรือ 28.04% ซึ่งเป็นการตั้งสำรองฯ ตั้งแต่ในครึ่งแรกของปีเป็นจำนวนรวม 32,064 ล้านบาท เนื่องจากความไม่แน่นอนในระดับสูงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผลกระทบที่รุนแรงทั้งในและต่างประเทศ อันเป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก่อน
รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างไรก็ดี แม้ว่าในครึ่งปีหลังที่มาตรการช่วยเหลือลูกค้าทยอยสิ้นสุดลงลูกค้ายังสามารถผ่อนชำระได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับไตรมาส 4 ปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 กำไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น จำนวน 4,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 6,180 ล้านบาท หรือ 295.31% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของตราสารทุน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด สำหรับปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 กำไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น จำนวน 6,605 ล้านบาท ลดลงจำนวน 9,702 ล้านบาท หรือ 313.24%
ส่วนใหญ่เกิดจากความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องมาจากผลกระทบของ โควิด-19 รวมทั้งมีการจัด ประเภทและวัดมูลค่าของเงินลงทุนใหม่ตาม TFRS9 นอกจากนี้ในปี 2562 มีกำไรจากการตีราคาที่ดิน และอาคารของธนาคารเพื่อให้สะท้อนมูลค่ายุติธรรม
สำหรับปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 กำไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น จำนวน 6,605 ล้านบาท ลดลงจำนวน 9,702 ล้านบาท หรือ 313.24% ส่วนใหญ่เกิดจากความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องมาจากผลกระทบของ โควิด-19 รวมทั้งมีการจัดประเภทและวัดมูลค่าของเงินลงทุนใหม่ตาม TFRS9 นอกจากนี้ในปี 2562 มีกำไรจากการตีราคาที่ดิน และอาคารของธนาคารเพื่อให้สะท้อนมูลค่ายุติธรรม