TFG ปักธงปี 64 ขยายกำลังผลิตแตะ 1.5 หมื่นตัน ดันรายได้โตตามเป้า 15%
TFG ปักธงปี 64 ขยายกำลังผลิตแตะ 1.5 หมื่นตัน ดันรายได้โตตามเป้า 15%
นายเพชร นันทวิสัย รองประธานสายงานฟาร์มและพัฒนาคุณภาพ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 64 จะเติบโตได้ราว 15% จากปีก่อน ซึ่งยังคงมาจากธุรกิจไก่ โดยเฉพาะไก่ปรุงสุกที่มีการเติบโตอย่างมากในส่วนของลูกค่าเก่า โดยบริษัทฯ ก็มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้เป็น 15,000 ตัน/ปี จากสิ้นปี 63 อยู่ที่ 9,000-10,000 ตัน/ปี ของกำลังการผลิตที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด 20,000 ตัน/ปี เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังมาจากการส่งออกไก่ ที่ปีนี้มีแผนเปิดตลาดใหม่ๆ มากขึ้น เช่น เกาหลี เป็นต้น ทำให้ในภาพรวมของธุรกิจไก่ก็น่าจะเติบโตได้ 5%
“เรามีการลงทุนโรงงานผลิตไก่ปรุงสุกไปตั้งแต่ปี 61 ซึ่งก็มีการเติบโตดับเบิ้ลไปสองรอบแล้ว โดยปีก่อนหน้านี้ 5,000 ตัน/ปี, ปีที่แล้ว 10,000 ตัน/ปี และปีนี้ก็คิดว่าจะได้ 15,000 ตัน/ปี เนื่องจากเรามีการเติบโตในลูกค้าเดิม โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เรามีลูกค้าที่เป็น Exclusive อยู่ หรือเราซัพพลายให้เขาเจ้าเดียว และเขาก็เติบโตได้ดีในส่วนที่เป็นคอนวีเนียนสโตร์ เนื่องจากเรามีการผลิตสินค้าที่ค่อนข้างพิเศษหรือจำเพาะกับเขา รวมถึงวิจัยและพัฒนาด้วยกัน จึงทำให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และส่งผลให้เราเติบโตได้ดี” นายเพชร กล่าว
ทั้งนี้ ธุรกิจสุกร ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามก็ถือว่าเป็น Growth Driver ที่สำคัญในปีนี้ โดยบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20-25% จากในประเทศโต 15% และเวียดนามเติบโตเป็นเท่าตัว เนื่องจากซัพพลายสุกรยังขาดแคลนทั้งในภูมิภาค เช่น จีน, เวียดนาม หรือใน CLMV รวมถึงฟิลิปปินส์ สืบเนื่องจากปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever:ASF) แม้ว่าปีนี้จีนจะดูฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างพอสมควร แต่โดยรวมทั้งภูมิภาคสุกรก็ยังลดลง หรือซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ และราคาสุกรก็อยู่ในระดับสูง
นายเพชร เปิดเผยว่า บริษัทจึงมีแผนลงทุนขยายฟาร์มสุกรในปีนี้ โดยวางเป้าเติบโต 30% จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายสุกรอยู่ที่ 100,000 ตัว/เดือน รวมถึงลงทุนโรงชำแหละสุกร และโรงงานอาหารสัตว์ เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยวางงบลงทุนไว้ราว 2,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว บริษัทยืนยันว่าไม่ได้กระทบกับภาพรวมธุรกิจมากนัก แม้ยอดขายใน Food Service จะปรับตัวลงไป 40-50% ในช่วงล็อกดาวน์ แต่ TFG ก็สามารถปรับเปลี่ยนแผนหันไปจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้นแทน
ด้านธุรกิจอาหารสัตว์และอื่นๆ โดยปกติจะเติบโตในระดับ 10% แม้สถานการณ์โควิด-19 จะกระทบกับผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยให้ปรับตัวลดลง จากความกังวลต่อการระบาดฯ ที่รวดเร็ว รวมถึงหาสายพันธุ์สุกรไม่ได้ เนื่องจากราคาแม่พันธุ์และลูกสุกรค่อนข้างแพงมาก แต่อาหารสัตว์โดยรวมยังโตได้จากการเพิ่ม SKU ใหม่ในสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่เคยทำ เช่น อาหารวัว, เป็ด, แม่ไก่ไข่ เป็นต้น
นายเพชร กล่าวว่า ส่วนโครงการร่วมลงทุนในบริษัท ทีเอฟ เทค จำกัด (TF Tech) ระหว่าง TFG และ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำ (Floating Solar) ในพื้นที่ของ TFG และบริษัทในเครือ เฟสแรกในโรงงาน 4 แห่ง ประกอบด้วย โรงชำแหละไก่กาญจนบุรี, โรงชำแหละไก่ กบินทร์บุรี, โรงอาหารสัตว์ สุพรรณบุรี และโรงอาหารสัตว์ กบินทร์บุรี ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า 13.78 เมกะวัตต์ ได้เริ่มจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนพ.ย.63 ที่ผ่านมา
และในปีนี้ก็จะมีการลงทุนต่อเนื่องในเฟสที่ 2 โดยเตรียมขยายไปสู่ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) บนหลังคาที่จอดรถและโรงงาน TFG จ.กาญจนบุรี คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในปี 65 ลงเหลือ 50-60 ล้านบาท/ปี จากปัจจุบันที่ได้ดำเนินการในเฟสแรกไปแล้วสามารถประหยัดได้ 15-20 ล้านบาท/ปี โดยทั้งหมดนี้จะใช้งบลงทุนรวม 300-500 ล้านบาท
อนึ่ง TF Tech จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือครองหุ้น ประกอบด้วย TFG 40%, EA 40% และบุคคลธรรมดา 20%