AMA กางแผนปี 64 เพิ่มเรือ-รถ พร้อมปิดดีล M&A ธุรกิจโลจิสติกส์ มั่นใจดันผลงานโตต่อ

AMA กางแผนปี 64 เพิ่มเรือ-รถ รับความต้องการใช้พุ่ง พร้อมปิดดีล M&A ธุรกิจโลจิสติกส์ มั่นใจดันผลงานโตต่อ


นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด AMA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจทิศทางผลประกอบการปี 64 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 63 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราการใช้เรือปีนี้ที่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 95% จากปี 63 เฉลี่ยอยู่ที่ราว 90% เนื่องจากความต้องการน้ำมันปาล์มในประเทศจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่บริษัทมีแผนขยายกองเรือและรถบรรทุก โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการซื้อเรือเพิ่มอีก 1 ลำ ขนาด 13,000 เดทเวทตันในช่วงครึ่งปีหลังด้วยงบลงทุนราว 240 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีกองเรือ 9 ลำ ขนาดบรรทุกรวมราว 86,000 เดทเวทตัน

ในส่วนของอัตราการใช้รถบรรทุกคาดว่าปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 87-88% จากปี 63 อยู่ที่ราว 80% โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มรถเซมิเทรลเลอร์อีก 20 คัน เป็น 256 คัน จากสิ้นปี 63 อยู่ที่ราว 236 คัน และจะเพิ่มรถ 10 ล้ออีก 20 คัน เพื่อรองรับการขนส่งและการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะในส่วนของบริษัทแม่ คือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มปริมาณการขายอีกไม่ต่ำกว่า 10%

“เราหวังว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่นี้จะไม่กระทบต่อภาพรวมการใช้น้ำมันในประเทศมากนัก ที่ผ่านมาผลกระทบส่วนใหญ่ไปกระทบกับการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินมากกว่า ซึ่งในส่วนของ PTG เองมีสัดส่วนการจำหน่ายดีเซลเป็นหลัก ซึ่งไม่ค่อยมีผลกระทบมากเพราะการขนส่งยังต้องมีอยู่ ในส่วนของทางเรือเราก็หวังว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดหนักในประเทศผู้ผลิตและผู้ซื้อถึงขั้นต้องปิดท่าเรือ เราก็คงไม่กระทบอะไร”นายพิศาล กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกๆด้าน จึงเชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือน ปี 63 ที่ระดับ 9.52%

สำหรับแผนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจโลจิสติกส์หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว และอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานะทางการเงิน คาดว่ากระบวนการซื้อกิจการจะแล้วเสร็จภายในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของกิจการอีกด้านหนึ่งด้วย

“ส่วนหนึ่งในการเข้าซื้อกิจการคือการที่เราลงทุนเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงที่จะพึ่งพาการรับรู้รายได้เพียงทางเดียว ซึ่งโลจิสติกส์ที่เราจะซื้อนี้มีความแตกต่างจากของเราอยู่”นายพิศาล กล่าว

Back to top button