SCC ประกาศงบฯ พรุ่งนี้ ลุ้นไตรมาส 4 โตเกิน 20% ปันผลปัง!
SCC ประกาศงบฯ พรุ่งนี้ ลุ้นไตรมาส 4 โตเกิน 20% ปันผลปัง!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC หลังมีข้อมูลว่า SCC เตรียมรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/63 ในวันพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SCC เตรียมรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/63 ในวันที่ 27 ม.ค.2564 คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 9.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 7% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ดีคาดจะเห็นกำไรหลักที่ดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 1/64 ได้ปัจจัยหนุนจากทุกหน่วยธุรกิจทั้งซีเมนต์ เคมีคอล และแพคเกจจิ้งที่จะดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล โดยบล.บัวหลวง ปรับราคาเป้าหมายไปเป็นฐานปี 2564 ได้ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 460 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SCC เตรียมรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/63 ในวันที่ 27 ม.ค.2564 ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 8,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบจากปีก่อน แม้จะมีการหยุดซ่อมบ รุงโรงงาน MOC ซึ่งเป็นปิโตรเคมีต้นน้ำทำให้รายได้รวมลดลง 13% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ชดเชยได้จาก Spread ผลิตภัณฑ์หลักที่เพิ่มขึ้นมาก บวกกับกำไรจากธุรกิจ Packaging ที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำในปีก่อน โดยรวมยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 450 บาท/หุ้น เชื่อว่ากำไรที่จะกลับมาเติบโตเด่นในช่วงหลายปีข้างหน้า บวกกับ Fund flow ต่างชาติที่เริ่มกลับมาซื้อหุ้น SCC
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SCC ราคาเป้าหมาย 430 บาท/หุ้น คาดไตรมาส 4/63 จะมีกำไรปกติอยู่ในเกณฑ์ดี 9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 8% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แม้ว่าโรงงานปิโตรฯ MOC ปิดซ่อมบำรุงถึง 45วัน แต่ได้แรงหนุนสำคัญจากสเปรดปิโตรเคมีที่พุ่งสูงขึ้น แนวโน้มผลประกอบการของ SCC ในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต แรงหนุนจากทั้งสามธุรกิจ คือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่ม 70% เน้น HVA และ นวัตกรรม ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิส และ โซลูชั่น ไปรีเทล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้าจะโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า
โดยแนวโน้มธุรกิจรวมในปี 2564 จะดีขึ้นทั้งสามธุรกิจ คือ 1.) ธุรกิจปิโตรเคมี ความต้องการเติบโตดีขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตใหม่ของโลกเข้ามาน้อยลง ทำให้สเปรดยังอยู่ในเกณฑ์ดี และ ยังเสริมด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่ม 2.) ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง แม้ความต้องการจะไม่เติบโต แต่จะเน้น การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตลดต้นทุน มีการขายสินค้าพร้อมบริการบวกด้วยโซลูซั่น เน้นลูกค้ารีเทล และ ตลาดบูรณะปรับปรุงซ่อมแซมก็เป็นตลาดที่มีการเติบโตดี และ 3.) บรรจุภัณฑ์ครบวงจร จะเติบโตเด่นสุด จากการขยายกำลังการผลิต และ/หรือการควบรวมกิจการ
นอกจากนี้ SCC จ่ายเงินปันผลกำไรครึ่งปีแรก 5.5 บาท จึงคาดครึ่งปีหลังจะจ่ายมากขึ้นอีก 9.5 บาท รวมเป็นปันผลจ่าย 15 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.7% จากสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก
ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า 27 ม.ค. SCC เตรียมรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/63 ในวันที่ 27 ม.ค.2563 คาดมีกำไรสุทธิ 8,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 13.9% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน