เปิดอัพไซด์ 10 หุ้นอสังหาฯ หลังดีดคึก ชู LH-AP เด่นสุดมีลุ้นไปต่อ!
เปิดอัพไซด์ 10 หุ้นอสังหาฯ หลังดีดคึก ชู LH-AP เด่นสุดมีลุ้นไปต่อ!
จากกรณีที่ประชุม ครม.อนุมัติลดภาษีที่ดินฯ พร้อมลดค่าโอนและจดจำนองต่อถึงสิ้นปี 2564 โดยมีมติเห็นชอบมาตรการช่วยลดภาระรายจ่ายให้กับประชาชน และผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรอบปี 21 ลง 90% อีกทั้งขยายเวลามาตรการลดโอนค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01% (จาก 2%) และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% (จาก 1%) สำหรับบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ลงในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564 ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นอย่างคึกคัก
โดย ราคาหุ้น บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ปิดตลาดที่ 20.20 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.51% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 380.82 ล้านบาท
ด้าน ราคาหุ้น บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN อยู่ที่ 2.06 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 1.98% สูงสุดที่ 2.10 บาท ต่ำสุดที่ 2.04 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.70 ล้านบาท
ขณะที่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP อยู่ที่ 2 บาท ลบ 0.02 บาท หรือ 0.99% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 11.51 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้น บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN อยู่ที่ 4.80 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 0.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.81 ล้านบาท
อีกทั้ง ราคาหุ้น บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA อยู่ที่ 0.28 บาท ลบ 0.01 บาท หรือ 3.45% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 0.77 ล้านบาท
ด้านราคาหุ้น ราคาหุ้นบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER ทรงตัวอยู่ที่ 0.23 บาท จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าซื้อขาย 0.55 ล้านบาท
ขณะเดียวกันราคาหุ้นบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ทรงตัวอยู่ที่ 12.60 บาท จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10.28 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN อยู่ที่ 7.75 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.65% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.13 ล้านบาท และราคาหุ้นบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH อยู่ที่ 8 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 0.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 370.69 ล้านบาท
ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus และอัพไซด์จากราคาปัจจุบัน (27 ม.ค.2564) เพื่อประกอบการเข้าลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยพบว่า หุ้น LH มีอัพไซด์สูงสุด โดยมากถึง 18% แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นสูงกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม โดยมีรายละเอียดดังนี้
ด้าน บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ม.ค. 2564) โดยมองเป็นบวกเล็กน้อยจากข่าวดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ประเมินกลุ่มได้ประโยชน์เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1) property จะได้ประโยชน์จากมาตรการขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอน+จดจำนอง จากเดิมที่สิ้นสุดไปแล้วในเดือน ธ.ค.63 โดยยังคงกำหนดบ้านที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหลัง ซึ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการดังกล่าว ได้แก่ LPN และ PSH เนื่องจากมีสัดส่วนบ้าน/คอนโดในระดับราคาดังกล่าวมากสุด
2) การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นบวกค่อนข้างน้อย สำหรับ 2.1) ผู้ประกอบการจะได้ส่วนลด 90% สำหรับที่ดินรอการพัฒนาอยู่ ในช่วง 3 ปีแรกอยู่แล้ว ส่วน Inventory เดิมปี2564 จะได้ส่วนลด 50% ซึ่งหากเพิ่มเป็น 90% ช่วยลดต้นทุนได้เล็กน้อย, 2.2) ในด้านผู้ซื้อหากเป็นบ้าน/คอนโดหลังหลักราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนหากเป็นหลักที่ 2 ขึ้นไป จะเสียภาษี 0.02% ซึ่งหากราคาบ้าน 1 ล้านบาท จะเสียภาษี 200 บาท หากได้ส่วนลด 90% จะเสียภาษี 20 บาท อย่างไรก็ตาม เรามองว่ายังไม่จูงใจเพียงพอที่จะกระตุ้นการซื้อบ้านหลังใหม่เนื่องจากอัตราการจ่ายภาษีเดิมค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว และให้ส่วนลดเฉพาะปีนี้เท่านั้น
ทั้งนี้ ยังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Property เป็น Neutral และ top pick ได้แก่ ORI, SPALIเราประเมินข่าวดังกล่าวจะเป็น sentiment เชิงบวกเล็กน้อยต่อกลุ่ม property ซึ่งประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยในการตัดสินใจของผู้ซื้อรายเดิมมากกว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดผู้ซื้อรายใหม่
สำหรับหุ้น top pick ได้แก่ ORI (ซื้อ/เป้าหมาย 10.00 บาท) จาก backlog รอโอนในปี 2564 ที่สูงสุดในกลุ่ม และ SPALI (ซื้อ/เป้าหมาย 20.00 บาท) ซึ่งเรามีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้น จากผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด ขณะที่ LPN และ PSH แนะนำเพียงเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากยังมีความเสี่ยงอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง, backlog ต่ำ และแนวโน้มผลการดำเนินงานยังชะลอตัวมากสุดในกลุ่ม
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน