คัด 28 หุ้น “เล็ก-กลาง-ใหญ่” เน้นโชว์กำไร Q4 โตแกร่ง-โบรกฯอัพเป้าสูง น่าเก็บ!
คัด 28 หุ้น “เล็ก-กลาง-ใหญ่” เน้นโชว์กำไร Q4 โตแกร่ง-โบรกฯอัพเป้าสูง น่าเก็บ!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลหุ้นขนาด“เล็ก-กลาง-ใหญ่” ที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 และ ปี 2563 ในช่วงทยอยประกาศงบดังกล่าวมามานำเสนอให้นักลงทุนได้เป็นข้อมูลประกอบการลงทุน โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์จาก บล.ทิสโก้ และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เอเซีย พลัส ที่คัดเลือกกลุ่มหุ้นดังกล่าวเอาไว้
สำหรับกลุ่มหุ้นขนาด “เล็ก-กลาง-ใหญ่” ที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 และ ปี 2563 ออกมาอย่างแข็งแกร่ง และนักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการณ์กำไรในปี 2564 และปรับราคาเป้าหมายใหม่มีดังนี้ CBG,MTC,PRM, RS,STA,STGT,TVO,WHA,PLANB,SIS,TPCH,TWPC,CHG,BCH,TACC,RBF,JWD,ZIGA,PTG,NER,CPF,TFG,SYNEX, KCE,HANA,ORI,SPALI,SFT
โดยบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SET มีแนวโน้มปรับลงตาม Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกที่เป็นลบ และเริ่มมีความผันผวนมากขึ้น โดย VIX Index ปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 30 จุด เป็นจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน ด้านปัจจัยในประเทศ ยังมีแรงขายปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศก่อนการเปิดจองซื้อหุ้น IPO ขนาดใหญ่สำหรับนักลงทุนสถาบันในสัปดาห์หน้า
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว เน้นหุ้นที่คาดงบจะดี หุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ชอบ CBG, MTC, PRM, RS, STA, STGT, TVO, WHA หุ้นขนาดเล็ก ชอบ PLANB, SIS, TPCH, TWPC ซึ่งมีข้อมูลประกอบรายตัวดังนี้
บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ปรับประมาณการกำไรปี 21-22F ขึ้น 12% และ 23% ตามลำดับ เป็นโต 32% และ 19% ตามลำดับ จากธุรกิจ Commerce เติบโตและมาร์จิ้นดีกว่าคาดเดิม รวมทั้งล่าสุด การประกาศเข้าถือหุ้น 35% ในบริษัทเชฎฐ์ เอเชีย มูลค่า 920 ลบ. ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจติดตามชำระหนี้และปล่อยสินเชื่อรายย่อย คาดจะช่วยต่อยอดธุรกิจและช่วยหนุนกำไรปี 21-22F เพิ่มขึ้น 70-116 ลบ., ปรับเป้าพื้นฐานใหม่ขึ้นจาก 21 บ. เป็น 25 บ.
บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO คาดราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกจากราคาถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองเมื่อคืนพุ่งขึ้นประมาณ 4% ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 6 ปีครึ่ง หลัง USDA ปรับประมาณการตัวเลขสต็อกถั่วเหลืองในปี 20/21F ลดลง 1.5% เป็น 84.3 ล้านตัน, คาดกำไร ไตรมาส4/2563 ที่ 483 ลบ. +22% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, +36% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากราคาถั่วเหลืองขาขึ้น และเรายังมองแนวโน้มกำไรเชิงบวกต่อเนื่องใน 1H21 คาดจะเติบโต เทียบไตรมาสก่อนหน้า ทุกไตรมาส, คาดปันผล 2H20F ที่ 83 สต./หุ้น คิดเป็น Yield 2.4% และ Yield ปี 21F อยู่ที่ 6.7%, ปรับประมาณการกำไรปี 21-22F ขึ้น 12% และ 5% ตามลำดับ เป้าพื้นฐานขึ้นเป็น 42.75 บ.ยังแนะนำ ซื้อ
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC คาดกำไร ไตรมาส 4/2563 จะทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 1.35 พันลบ. โต20.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต1.4% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาสนี้ที่คาดโต +4.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 7.02 หมื่นลบ. หนุนให้สินเชื่อในปี 2563 เติบโต 16.6%, มองราคาหุ้นที่ Underperform SETFIN ประมาณ 17% ในปี 20 สะท้อนความกังวลการแข่งขันไปมากแล้ว ขณะที่ยังมีความได้เปรียบเรื่องต้นทุนการเงินจากภาวะดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำอย่างน้อย 2 ปี และมีโอกาสในการเติบโตอีก จากการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย, เป้าพื้นฐาน 70 บ.
บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG คาดกำไรไตรมาส 4/2563 เติบโตดี เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อานิสงส์จากยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่ Woody C+Lock และตลาดส่งออกในกลุ่ม CLMV ที่ประสบความสำเร็จ จะหนุนกำไรทั้งปีนี้โต 41% และปีหน้าโตอีก 20%, รับประโยชน์จากภาครัฐกระตุ้นบริโภคในช่วงปลายปีนี้, เป้าพื้นฐาน 133 บ.
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่ คาด SET Index จะปรับตัวลงแรงตามตลาดหุ้นทั่วโลกลงทดสอบกรอบ 1,480+- จุด โดยได้รับ Sentiment ลบหลังตลาดผิดหวัง FED ที่แม้จะยังไม่มีแผนในการยุติ QE และลดขนาดงบดุลในเร็วๆนี้ แต่ยังไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติม รวมถึงยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่อง Valuation ของตลาดที่ค่อนข้างตึงตัว ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากหุ้นเข้าถือเงินสดและพันธบัตรมากขึ้น ขณะที่ VIX Index พุ่งขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือน ต.ค. 20
ส่วนปัจจัยในประเทศการประชุมศบค.ชุดเล็กมีการผ่อนปรนมาตรการหลายกิจกรรมทั้งการให้รับประทานอาหารในร้านได้ถึง 5 ทุ่มและเริ่มกลับมาเรียนได้วันที่ 1 ก.พ. (ยกเว้นสมุทรสาคร) และอยู่ในช่วงการประกาศประกอบการไตรมาส 4/2563 ฝั่ง Real Sector
โดยกลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ ไตรมาส 4/2563 แข็งแกร่ง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ CHG BCH,TACC,RBF,JWD,ZIGA,PTG,TVO,NER,CPF,TFG, SYNEX,KCE,HANA, MTC,ORI,SPALI,SFT ซึ่งมีข้อมูลประกอบรายตัวดังนี้
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2563 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่องจากรายได้เงินสดที่ทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและ High Season ที่มาช้าในปีนี้ ส่วนรายได้ประกันสังคมยังคงแข็งแกร่งเป็น นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากบริการ ASQ และ HQ แนะนำซื้อเป้า 20 บาท
จากกำไรไตรมาส 3/2563 ที่ดีกว่าคาด ประเมินกำไรปี 2564 มี Upside 3-5% จากปัจจุบันที่คาด โต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปี 2564 คาดโตในอัตราเร่ง โต 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงได้ประโยชน์จากวัคซีน COVID-19 ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาใช้บริการในระยะถัดไป
บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC คาดกำไรไตรมาส 4/63 ฟื้นตัวทำ New High โต 13% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก Margin ที่ดี และคาดกำไรเร่งตัวขึ้นอีกในไตรมาส1/2564 จากการออกสินค้าใหม่ ธุรกิจ Character ที่เริ่มฟื้น
นอกจากนี้คาดเห็นพัฒนาการจากการขยายช่องทางขายใน Tesco Lotus อย่างเร็วใน ไตรมาส 1/2564 คาดกำไรปี 63-64 โต 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คงราคาเป้าหมาย 7.40 บาท แนะนำ ซื้อ
บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF คาดกำไรไตรมาส 4/2563 ลดลง 12% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 87% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยคำสั่งซื้อกลุ่มอาหารยังดีต่อเนื่อง ไม่ถูกกระทบจาก COVID-19 และโรงงานในอินโดนีเซียกำลังเร่งผลิตกะ 2 และเวียดนามเพิ่งเริ่ม Commercial Run กะ 1
คาดกำไรปี 2563-2564 โต 41% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 22% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ และมี Upside จากกฎหมายอนุญาตให้ใช้กัญชง-กัญชาในเครื่องสำอางได้แล้ว ส่วนการใช้กับอาหารและเครื่องดื่มต้องรอระยะถัดไป น่าจะได้เห็นความชัดเจนในครึ่งหลังปี 2564 ยังคงแนะนำ ซื้อราคาเป้าหมาย 12 บาท
บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG คาดกำไรไตรมาส 4/2563 โต 79% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ประกันสังคมที่แข็งแกร่ง และโรงพยาบาลใหม่ๆที่ขาดทุนลดลง ปรับกำไรปี 2563-2565 ขึ้น 6-13% เป็นเติบโต 20%/15%/14% ตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 3.50 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ เป็น Top Pick
บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/2563 โต 6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 119% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากคำสั่งผลิตที่มากหลังลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่มออกสินค้าใหม่ค่อนข้างมากในช่วงเทียบครึ่งแรกปี 2564 หนุนกำไรทั้งปีคาดโต 40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
แนวโน้มปี 2564 ยังสดใส ล่าสุดได้คำสั่งผลิตจาก Tofusan ที่ผลิตชานมไต้หวันให้ TKN และคาดมีโอกาสสูงที่จะได้งานผลิตเครื่องดื่ม OEM จาก ICHI คาดกำไรปี 2564-2565 โตเฉลี่ย +20% ต่อปี
บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD แนะนำ ซื้อ อยู่ระหว่างปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากปัจจุบันที่ 10 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/253 ยังฟื้นตัวแกร่งตัวเนื่องทั้งธุรกิจในไทยและต่างประเทศตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหนุนความต้องการเช่าคลังสินค้า ห้องเย็น รวมถึง Barge Terminal ที่มีปริมาณขนตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
คาดผลกระทบจาก COVID-19 จำกัด เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรขึ้น จากปัจจุบันที่คาดปี 2563 ลดลง 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและฟื้นตัวเด่นโต 21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2564
บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 4.30 บาท โดยราคาสินแร่เหล็กในตลาดล่วงหน้าของจีน (Dalian Exchange) แม้จะพักฐานหลังจากที่ปรับขึ้นไปแรงมาก แต่ยังอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้น 19% MTD เป็นบวกต่อมาร์จิ้นของ ZIGA
แม้จำนวนวันทำงานในไตรมาส 4/63 จะน้อยแต่คาดกำไรจะยังน่าประทับใจ 38 ล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แตะเพิ่มขึ้น 1,178% เมื่อเทียบจากปีก่อน ทำให้กำไรทั้งปี 2563 เพิ่มขึ้น 232% เมื่อเทียบจากปีก่อน และโตต่อ 26% เมื่อเทียบจากปีก่อนในปี 2564 จากการขยายช่องทางขายปลีกและ online รวมถึงเร่งขายสาขา
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG คาดกำไรไตรมาส 4/2563 ทำ New High โต 6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 59% เทียบช่วงเดียวกนของปีก่อน จากค่าการตลาดที่ทรงตัวในระดับที่ดี 1.8-1.9 บาทต่อลิตร ปริมาณขายที่สูงขึ้น รวมถึง EBITDA ของธุรกิจ Non-Oil ที่ฟื้นตัว
แนวโน้มไตรมาส 1/2564 ได้รับผลกระทบบ้างจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ แต่คาดไม่หนักเท่าปีก่อน ขณะที่กำไรธุรกิจไบโอดีเซลที่สูงขึ้นจากนโยบายสนับสนุนของรัฐ คาดกำไรปี 2021-2022 โตต่อเนื่อง 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX แนะนำ “ซื้อ” SYNEX ให้ราคาเป้าหมาย 18 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/2563 เติบโต 8% จากไตรมาสก่อน, เติบโต 47% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แข็งแกร่งแม้รายได้จะชะลอจากปีก่อนเพราะวันขาย iPhone ลดลง แต่ชดเชยจาก Margin ที่ขยายตัว แนวโน้มการเติบโตช่วง 3 ปีข้างหน้ายังสดใสจาก Mega Trend โดยเฉพาะ 5G หนุนความต้องการสินค้า IT ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดกำไรปี 2564-2566 โต 12% CAGR
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI โดยมองยอดขายปี 2563 ทะลุเป้าจบที่ 2.6 หมื่นล้านบาท (ลดลง 12% จากปีก่อน) ขณะที่ปี 2564 คาดกลับมาโต 10% จากปี 63 จากแผนรุกเปิดโครงการใหม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน) แม้การแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลต่อ Sentiment การขาย แต่คาดกดดันแค่ในช่วงไตรมาส 1/64 ส่วนธุรกิจโรงแรม รายได้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% จึงไม่กระทบอย่างมีนัยต่อภาพรวม
ด้านแนวโน้มกำไตรมาส 4/63 คาดเร่งขึ้นทำระดับสูงสุดของปี หนุนจากแผนโอนคอนโดใหม่ 5 โครงการ โดยคงประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน แข็งแกร่งกว่ากลุ่มฯที่ -22% จากปีก่อน และปี 2564 คาดโตต่อเนื่อง 11% จากปีก่อนบน Backlog รองรับยอดโอนแล้ว 64% สูงสุดในกลุ่มฯ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ราคาหุ้นเทรดบน PE 2564 เพียง 6.4 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 9.5 เท่า จึงยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 9 บาท
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน