META โร่แจง! โรงไฟฟ้ามินบูไร้กระทบการเมือง จับตาเฟส 2-4 โดนหรือไม่!?

นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META หนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของ บริษัท กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ ไทยแลนด์ จำกัด (GEP) ผู้ดูแลโครงการโรงไฟฟ้ามินบู เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมาไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารและการจัดการโครงการฯ การดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ทาง META ยังสามารถรับรู้รายได้จากงานก่อสร้าง ได้อย่างปกติตามสัญญาดำเนินงานและยังคงเป็นไปตามแผนดำเนินงาน

ทั้งนี้ “ผู้สื่อข่าว” รายงานว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 220 เมกะวัตต์ (MW) เป็นหนึ่งในโครงการที่มีบจ.ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเข้าไปลงทุนถึง 3 แห่งด้วยกัน ประกอบด้วย บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN, บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META, บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มีการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ไปแล้วเฟสแรก 50 เมกะวัตต์ โดยได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เฟสแรกไปเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา

โดยได้รับประทับตราลงนามรับรองการซื้อขายไฟฟ้า จากกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานเมียนมา (Ministry of Electricity and Energy : MOEE) อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 และอยู่ระหว่างดำเนินการในเฟส 2 อีก 50 เมกะวัตต์ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ ภายในไตรมาส 4/64 ส่วนเฟสที่  3 และ 4 อีกจำนวน 50 เมกะวัตต์ และ 70 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบภายในปี 2565 นี้

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะโครงการเฟสที่ 2-3-4 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ อาจส่งผลให้กำหนดการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อาจล่าช้ากว่าแผนการเดิม โดยโครงการดังกล่าวมีผู้ถือหุ้นคือ Noble Planet Pte. Ltd. (NP) ถือหุ้น 28% และมีผู้ร่วมลงทุนหลักคือบมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) ถือหุ้น 40%, บมจ.เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) ถือหุ้น 12%, บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทคจำกัด (มหาชน) (ECF) ถือหุ้น 20%