ASIAN บวกเกือบ 4% ลุ้นไตรมาส 4 กำไรนิวไฮ โบรกฯ แนะซื้อเป้า 16 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ล่าสุด ณ เวลา 10.11 น. อยู่ที่ 13.90 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 3.73% สูงสุดที่ 14.10 บาท ต่ำสุดที่ 13.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 153.62 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น ASIAN ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีการคาดการณ์ผลการดำเนินงานปี 2563 เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ และในปี 2564 ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 จะออกมาค่อนข้างดีมาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เป็นไปตามการเร่งส่งมอบคำสั่งซื้อ (Order) ให้แก่ลูกค้าได้ต่อเนื่องในช่วงปลายปี ส่งผลให้ผลักดันยอดขายให้ขยายตัวได้ค่อนข้างดี

ดังนั้นภาพรวมผลการดำเนินงานที่เติบโตแรงมาตั้งแต่ต้นปี และในช่วง 9 เดือน สามารถทำยอดขายได้กว่า 6,362.13  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 607.28 ล้านบาท อีกทั้งผลงานในไตรมาส 4/2563 ที่ออกมาดี ทำให้งบรวมทั้งปี 2563 ออกมาเกินเป้าหมายที่วางไว้ หรือทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) โดยในปี 2563 ตั้งเป้าหมายมียอดขาย 8,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มียอดขาย 8,194.03 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจากการส่งออกมีความโดดเด่นมาก อย่างไรก็ตาม จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่ออนุมัติงบ และคาดประกาศงบประจำปี 2563 ได้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564

สำหรับปี 2564 เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขายเติบโตอย่างน้อย 10% จากปีก่อน ตามคำสั่งซื้อที่ยังคงหนาแน่น และปรับตัวขึ้นลงตามฤดูกาล และยังไม่เห็นปัจจัยลบใหญ่ ๆ ที่จะเข้ามากระทบในทุกธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ และกลุ่มธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง

ด้านบล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ระบุว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 จะมีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท เติบโตสูง 787% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เป็นไปตามแรงหนุนของกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ แต่ลดลง 26% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 ด้วยฐานกำไรที่สูง 202 ล้านบาท

นอกจากนี้ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2563 เพิ่มอีก 5% เป็น 762 ล้านบาท จากปี 2562 ที่ 133 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 เพิ่มอีก 21% เป็น 740 ล้านบาท และปี 2565 เพิ่มอีก 26% เป็น 742 ล้านบาท ตามลำดับ เป็นไปตามการควบคุมต้นทุน และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 16 บาท สะท้อนประมาณการกำไรที่เพิ่มขึ้น