KUN ปักธงยอดขายปีนี้แตะ 1.5 พันลบ. มั่นใจรายได้โตตามเป้า 10-15%
KUN ปักธงยอดขายปีนี้แตะ 1.5 พันลบ. มั่นใจรายได้โตตามเป้า 10-15% พร้อมการแผนเปิด 2 โครงการใหม่
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 10-15% โดยเดือนม.ค.64 มียอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 400 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ทั้งหมด รวมถึงยอดขายตั้งแต่เดือนก.พ.-มิ.ย.64 ก็จะเข้ามาเป็นยอดโอนในครึ่งปีหลังนี้ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่มียอดขาย 1,410 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นโครงการแนวราบในทำเลทิศที่ 3 ของ กทม.คือด้านทิศใต้ ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะกรรมบริษัทฯ ในวันที่ 23 ก.พ.64 เพื่อขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 ในเดือน เม.ย.นี้ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่นำที่ดินมาพัฒนาเป็นโครงการต่อเนื่อง 5-7 ปี นอกจากนั้น ยังมีแผนเปิดอีก 1 โครงการใหม่ในไตรมาส 3/64 เป็นบ้านเดี่ยว ย่านนนทบุรี มูลค่าโครงการราว 500 ล้านบาท
โดยความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะแนวราบยังได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่เกิดขึ้น แต่ยังพบว่าลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการของ KUN เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 จนถึงปัจจุบัน สะท้อนมาที่ยอดขายในช่วงเดือน ธ.ค.63 ถึงเดือน ม.ค.64 เร่งตัวขึ้น ซึ่งบริษัทมองว่าปัจจัยหนุนมาจากพฤติกรรมของลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก จึงได้ออกแบบโครงการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal และการอยู่อาศัยในลักษณะครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการแข่งขันสูงขึ้นในตลาดแนวราบจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่หันมาเปิดโครงการมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 63 เป็นต้นมา ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่มองหาโอกาสใหม่ๆ จากโครงการแนวราบ แต่บริษัทมองว่าการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหญ่ทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น เช่น ในทำเลบางบัวทอง จากเดิมที่บริษัทเป็นเจ้าตลาดมีคู่แข่งน้อย และบริษัทได้ใช้โอกาสนี้ในการศึกษาคู่แข่งด้านการออกแบบสินค้าและทำการตลาดด้วย
“เรายังเน้นการพัฒนาแนวราบเป็นหลัก แม้ว่าจะมีความคิดอยากไปพัฒนาคอนโดมิเนียมเพิ่มเติม แต่ด้วยภาวะตลาดปัจจุบันที่มีความเสี่ยงสูง และทีมงานที่ยังเก่งในการพัฒนาแนวราบมากกว่า ทำให้เรายังอยู่ในตลาดนี้ไปก่อน เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง สร้างกำไรที่ดีให้กับบริษัท และรักษาผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง” นางประวีรัตน์ กล่าว