“หุ้นน้ำตาล” ยัน! ไร้กระทบ “เวียดนาม” เก็บภาษีนำเข้า 34%
หุ้นน้ำตาล “KBS-KSL-BRR-KTIS” ประสานเสียงไร้ผลกระทบ หรืออาจกระทบน้อยมาก จากกรณีกระทรวงการค้าฯเวียดนามมีแผนเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลดิบจากไทยในอัตรา 33.88% เหตุสัดส่วนส่งออกไปขายเวียดนามน้อยมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกระทรวงการค้า และอุตสาหกรรมประเทศเวียดนาม แถลงว่า กระทรวงฯมีแผนเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลดิบที่มาจากประเทศไทยในอัตรา 33.88% โดยอ้างว่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นกำลังบั่นทอนอุตสาหกรรมน้ำตาลภายในประเทศ ปัจจุบันยังคงสอบสวนในเรื่องนี้อยู่ คาดสรุปได้ในช่วงไตรมาส 2/2564 และเวียดนามจะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าเมื่อไหร่ที่จะเริ่มเก็บภาษี
ทั้งนี้ ทำให้มีการความกังวลก่อนหน้าว่าทางกลุ่มหุ้นน้ำตาลไทยจะได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ไม่ว่าจะเป็น KSB, KSL, BRR, KTIS ท้ายสุดบรรดาผู้บริหารออกมาเปิดเผยกับทางหนังสื่อพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจว่าไม่ได้รับผลกระทบ หรือถ้าหากมีผลกระทบก็น้อยมาก จากกรณีที่เวียดนามมีแผนเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลดิบที่มาจากประเทศไทยในอัตรา 33.88% เนื่องจากสัดส่วนส่งออกไปขายเวียดนามน้อยมาก
ด้านนายถกล ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ และประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีสัดส่วนส่งออกไปยังประเทศเวียดนามไม่ถึง 5% และเป็นการซื้อขายผ่านตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด ภายใต้ข้อกำหนดให้รับผิดชอบการตีสินค้าคืนจากลูกค้า และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ แทนบริษัท จากสัดส่วนรายได้ส่งออกไปต่างประเทศรวม 60% ที่กระจายอยู่ในภูมิภาคเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 (1ม.ค.- 31ธ.ค. 2563) ไม่เป็นไปตามแผน หลังในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 3,804.90 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 331.80 ล้านบาท เพราะมีแรงกดดันทั้งจากการแข่งขันที่สูง ราคาตลาดโลกตกต่ำ และผลผลิตในประเทศลดลง เมื่อเทียบกับปี 2562 มีรายได้รวม 6,999.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 179.75 ล้านบาท
ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564 (1 ม.ค.- 31 ธ.ค. 2564) ขณะนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูเปิดหีบ ต้องรอปิดหีบก่อนถึงจะประเมินได้ชัดเจน หรือประมาณสิ้นเดือน มี.ค. 2564 อย่างไรก็ตามปกติแล้วกลุ่มบริษัทเกษตรจะไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตกี่เปอร์เซ็น เพราะต้องอ้างอิงฝน ฟ้า อากาศในแต่ละปีเป็นหลัก
เช่นเดียวกับ นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เปิดเผยถึงกรณีแผนเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลดิบของเวียดนามว่า KSL น่าจะได้รับผลกระทบน้อยมาก หรืออาจจะไม่มีผลกระทบเลย เพราะมีสัดส่วนการส่งออกไปประเทศเวียดนามในสัดส่วนไม่ถึง 10,000 ตัน และได้ขายผ่านตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด นอกจากนี้หากทางรัฐบาลไทย หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีดังกล่าว ก็สามารถยื่นหนังสื่อคัดค้านต่อรัฐบาลเวียดนามได้ด้วย
อย่างไรก็ตามกรณีรุนแรงอาจส่งผลกระทบไปถึงการนำเข้าน้ำตาลชะงักลงไป 0.6-1 ปี แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศไทยน้อยมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำตาลโดยรวมการค้าระหว่างประเทศมีสถานะ “ขาดดุล” หากเวียดนามไม่ซื้อ ประเทศอื่นก็มีความต้องการซื้อค่อนข้างสูง
“กรณีแผนเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลดิบของเวียดนาม มาจากผู้ประกอบการในประเทศร้องเรียนรัฐบาลว่าน้ำตาลไทยได้รับการอุดหนุน และทุ่มตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากตัวผู้ประกอบการในประเทศขายในราคาแพงเกินไป จนสู้ราคาน้ำตาลไทยไม่ได้” นายชลัช กล่าว
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 (1 พ.ย.63 ถึง 31 ต.ค.64) ประเมินว่าจะเป็นปีที่ดีของ KSL สอดคล้องกับทิศทางราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น และน่าจะยังคงยืนอยู่ในแดนสูง แตกต่างจากในปี 2563 ค่อนข้างแล้ง ทำให้ตลาดมีดวามต้องการพืชผลเกษตรมากขึ้น อีกทั้งในปี 2564 ทาง KSL มีแผนส่งออกไปเวียดนามน้อยลงอยู่แล้ว และเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในประเทศหลักๆ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย จีน และมาเลเซีย
ขณะเดียวกัน นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการโดยรวมในประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากประเทศเวียดนามเตรียมเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลดิบที่มาจากประเทศไทยค่อนข้างน้อย โดยในส่วนของ BRR ปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศสูงถึง 70% แต่มีสัดส่วนส่งออกไปเวียดนามน้อยมากๆ จึงมองว่าไม่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ในปี 2564 (1ม.ค.-31 ธ.ค. 2564) ประเมินว่าจะเป็นปีที่ดี เนื่องจากความต้องการในตลาด และราคาขายปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30% โดยมองความเคลื่อนไหวของราคาขายเฉลี่ยอย่างน้อย 17 เซนต์ต่อปอนด์ เมื่อเทียบกับในปี 2563 ที่อุตสาหกรรมโดยรวมชะลอตัวลงตามผลผลิต และราคาขายตกต่ำ
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 (1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2563) จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ตามที่คาดหวังไว้ จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 5,180.42 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 511.71 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีรายได้รวมแล้ว3,650.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 58.27 ล้านบาท
รวมถึงนายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS กล่าวว่า กรณีเวียดนามจะเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลดิบที่มาจากประเทศไทยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต มองว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการน้ำตาลไทย แต่ค่อนข้างน้อยมาก และที่สำคัญในระดับภูมิภาคมีผู้เล่นเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการไทยได้ยาก
ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่ม KTIS ปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกไปเวียดนาม 10-20% โดยมองว่าผลกระทบจะมีไม่มากนัก เพราะการซื้อขายมีทั้งในรูปแบบโดยตรง และผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งช่วยชดเชยกันได้ และผลบวกจากความต้องการน้ำตาลดิบในตลาดโดยรวมอยู่ในระดับสูง ซึ่งฝ่ายที่ได้รับผลกระทบชัดเจนน่าจะเป็นผู้ประกอบการที่นำเข้าน้ำตาลจากประเทศไทยมีผลกำไรน้อยลงตามการเสียภาษีจากปัจจุบันที่มีผลกำไรดีจากราคาในประเทศที่สูงมาก