VGI กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 78% มาที่ 712 ลบ. รับแผนคุมต้นทุน-ค่าใช้จ่าย

VGI กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 78% มาที่ 712 ลบ. รับแผนคุมต้นทุน-ค่าใช้จ่าย


บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/64 และงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.63

สำหรับปี 2563 ที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถรับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของ ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในทวีปเอเชีย เนื่องจากการใช้มาตรการล็อคดาวน์ทุกพื้นที่ในช่วงแรกของการ แพร่ระบาด รวมถึงการที่ประเทศต้องพึ่งพาด้านการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทต่างๆ ทำการลดงบประมาณสำหรับการโฆษณาลง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจสื่อโฆษณาของบริษัทฯ

อย่างไรก็แล้วแต่เศรษฐกิจของประเทศไทยในไตรมาสที่ 3 นี้ (เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2563) เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการความเข้มงวดของกิจกรรมทางสังคม ปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้สามารถสร้างผลกำไร ได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 2563/64 จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และผลบวกจากการนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียน (IPO) ของ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“KEX”) ในไตรมาส 3 ปี 2563/64 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 680 ล้านบาท ลดลง 44.9% จากปีก่อน

โดยธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน และธุรกิจบริการด้านดิจิทัล คิดเป็นสัดส่วน 67.4% และ 32.6% ของรายได้รวม ตามลำดับ

ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้มีรายได้อยู่ที่ 458 ล้านบาท ลดลง 48.5% จากปีก่อน

สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน มีรายได้ 382 ล้านบาท ลดลง 42.1% จากปีก่อน จาก 659 ล้านบาท

สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงานและอื่นๆ มีรายได้ 76 ล้านบาท ลดลง 31.8% จากปีก่อน จาก 112 ล้านบาท ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้ 222 ล้านบาท ลดลง 35.3% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการบริหารโครงการและ การโฆษณาทางออนไลน์ที่เป็นผลจากความต้องการในการใช้จ่ายด้านสื่อโฆษณาและการตลาดที่ลดลง รายได้อื่นอยู่ที่ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 347.5% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของเงินปันผลรับจากการลงทุน

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ทำการลดต้นทุนและประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงานและการซ่อมบำรุงรักษา รวมถึง เจรจำต่อรองขอส่วนลดจากเจ้าของพื้นที่และผู้ให้บริการด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับกับการลดลงของรายได้ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้จากการ ตอบสนองที่รวดเร็วต่อสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการให้บริการ

รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้บางส่วน ในไตรมาส 3 ปี 2563/64 ต้นทุนการให้บริการ อยู่ที่ 359 ล้านบาท ลดลง 36.4% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของฐานรายได้ธุรกิจสื่อ โฆษณานอกบ้าน

ขณะที่ในไตรมาสนี้อัตราต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52.8% จาก 45.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผล ให้มีอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 47.2% ลดลงจำก 54.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 220 ล้านบาท ลดลง 17.1% จากปีก่อน

ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 32.4% จำก 21.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมจำนวน 542 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วยเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 78 ล้านบาท

โดยมีสาเหตุหลักจากการบันทึกกำไรพิเศษอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมหลังกำร IPO ของ KEX จำนวน 513 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.0% จากปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิ 104.9% เพิ่มขึ้นจาก 32.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 200 ล้านบาท ลดลง 50.0% จากปีก่อน และมีอัตรากำไร สุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 29.5% ในไตรมาส 3 ปี 2563/64

Back to top button