หุ้นมีเฮ! รับอานิสงส์ “เราชนะ” ใช้สอยกระเตื้อง หลังคลังโอนเงินงวดแรกวันนี้
รอนตะแกรง! หุ้นรับอานิสงส์ “รับมาตรการโครงการ “เราชนะ” หลังคลังโอนเงินงวดแรก 18 ก.พ.นี้ จับจ่ายใช้สอยกระเตื้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูล น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการเปิดรับลงทะเบียนโครงการ “เราชนะ” สำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง (กลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลฯ) และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com (กลุ่มประชาชนทั่วไปฯ) ที่ตรวจสอบสถานะแล้วพบว่าผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและมีสิทธิเข้าร่วมโครงการเราชนะ จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิครั้งแรกในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2,000 บาท
สำหรับประชาชนทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว สามารถยืนยันการใช้สิทธิผ่านแถบ (Banner) “เราชนะ” ที่ปรากฏอยู่ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และจะได้รับวงเงินสิทธิเพิ่มเป็นรายสัปดาห์ทุกวันพฤหัสบดีจนวงเงินสิทธิครบ 7,000 บาท โดยสามารถสะสมวงเงินสิทธิได้ และใช้จ่ายเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการ/ร้านค้าและบริการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
ขณะนี้ มีผู้ที่ได้รับสิทธิผ่านการคัดกรองเข้าร่วมโครงการเราชนะ ทั้งสิ้น 16.3 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตังและเราเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว จำนวน 8.4 ล้านคน และกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com จำนวน 7.9 ล้านคน ซึ่งล่าสุดมีผู้กดยืนยันตัวตนและกดรับสิทธิในแอปพลิเคชั่นเป๋าตังแล้วจำนวน 10.2 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มที่มีแอปพลิเคชั่นเป๋าตังและเราเที่ยวด้วยกัน จำนวน 6.6 ล้านคน และกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com จำนวน 3.6 ล้านคน จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิครั้งแรกในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2,000 บาท”
ส่วนโครงการฯ ได้มีการโอนวงเงินสิทธิให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.69 ล้านคน ไปแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วมากกว่า 14,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อทางคลังได้มีการโอนเงินไปยังผู้มีสิทธิโครงการ “เราชนะ” เพื่อช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นกับช่วงเกิดวิกฤตจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 เบื้องต้นมองว่าการอัดฉีดเงินยังประชาชนก็จะทำให้มีการจับจ่ายใช่สอยมากขึ้นกว่าปกติ
ดังนั้นเมื่อการการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นก็จะมีผู้ที่จะได้รับอานิสงส์ ไม่ว่าจะเป็น “ทางตรงหรือทางอ้อม” หรือ “มากหรือน้อย”ตามมา
สำหรับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐด้วยโครงการ “เราชนะ”ตามที่นักวอเคราะห์มีการประเมินไว้
อย่าง บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่าหุ้นรับอานิสงส์ ได้แก่ RBF, MAKRO, CPALL, BJC, OSP, CBG และ TACC
เหมือนกับ บล.เอเซีย พลัส คาดว่าหุ้นรับอานิสงส์ ได้แก่ CRC, HMPRO และ CPALL
เช่นเดียวกับ บล.โนมูระ ฑัฒนสิน คาดว่าหุ้นรับอานิสงส์ ได้แก่ MAKRO, DOHOME และ HMPRO
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลข้างต้นแม้ชุดมาตรการที่ออกมามองว่าอาจไม่กระตุ้นมากนัก แต่ก็จะเข้ามาช่วยลดผลกระทบของประชาชน ประคับประคองเศรษฐกิจไม่ให้ดิ่งหนักมากไปกว่านี้ โดยเฉพาะโครงการเราชนะที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย การบริโภคภายในประเทศ เติมกำลังซื้อให้กับพี่น้องประชาชน
โดยทั่วไปแล้วอานิสงส์จะตกไปยังหุ้นที่นักวิเคราะห์ประเมิน เพราะส่วนใหญ่หุ้นดังกล่าวอยู่ในกลุ่มค้าปลีก รวมไปถึงผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และกลุ่มเครื่องดื่ม ที่เป็นเรื่องจำเป็นที่อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
ดังนั้นหุ้นที่นำเสนอจากนักวิเคราะห์ก็มีธุรกิจและสินค้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งมวนนั้นเอง
ยกตัวอย่างกลุ่มค้าปลีก ทั้งร้านสะดวกซื้ออย่างบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 1 หมื่นสาขา, ห้างค้าส่ง บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO
รวมไปถึงผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP
รวมถึงกลุ่มเครื่องดื่ม บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ที่ให้บริการเครื่องดื่มในร้านเเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น