STC เชื่อรายได้ปี 64 โต 10% รับ Backlog กว่า 670 ลบ.-ลุยประมูลงานเต็มสูบ
STC เชื่้อรายได้ปี 64 โต 10% รับ Backlog กว่า 670 ลบ.-ลุยประมูลงานเต็มสูบ
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 10% จากปีก่อน 420 ล้านบาท เนื่องด้วยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 670 ล้านบาท แบ่งเป็น งานที่มีในมือ (On Hand) 225 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอใบสั่งซื้อ 445 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ดังกล่าวราว 200-300 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯในปีถัดไป พร้อมทั้งมองโอกาสเข้าประมูลงานใหม่ หรือรับงานในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งงานของภาครัฐและเอกชน รวมถึงขยายฐานลูกค้าออกไปยังภาคอื่นๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมองหา Niche Market และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น โดยขณะนี้ทางทีมวิศวกรรมได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในงาน landscape ซึ่งถือว่ามีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง
ประกอบกับ STC ได้มีการร่วมทุนลงทุน (JV) กับบริษัท พรีเมียร์ พรีคาสต์ แอนด์ ดีไซน์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท เอสทีซี พรีเมียร์ พรีคาสท์ จำกัด เพื่อทำธุรกิจออกแบบ ผลิต ติดตั้ง และจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปในระบบพรีคาสต์ (Precast) ซึ่ง STC ถือหุ้นในสัดส่วน 55% และบริษัท พรีเมียร์ พรีคาสต์ แอนด์ ดีไซน์ ถือหุ้น 45% คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เข้ามาให้กับ STC ในปีนี้กว่า 200 ล้านบาท (ยังไม่รวมกับเป้ารายได้ปีนี้)
ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานและปรับปรุงพื้นที่ รวมถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทร่วมทุน บริษัท เอสทีซี พรีเมียร์ พรีคาสท์ จำกัด คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2/64 และรับรู้รายได้เข้ามาทันที
โดยบริษัทได้มีการวางแผนการดำเนินงานใหม่ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบกับการหดตัวของตลาด โดยจะมุ่งเน้นลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในองค์กร เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงมุ่งเน้นในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
“ปีนี้เรายังคงเน้นการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถทำอัตรากำไรได้สูงขึ้น และนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในตลาด เพื่อให้สอดคล้องไปกับความผันผวน (VUCA) รวมถึงรักษาฐานลูกค้าเดิม พร้อมกับมองหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภายในองค์กรเองก็จะมุ่งเน้นการลดต้นทุนค่าใช้ต่างๆ และคำนึงถึงในเรื่องของสังคมและสภาพแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น” นายเอกชัย กล่าว