IRPC ชูกลยุทธ์ “3 S” ยกระดับขีดความสามารถ ผลักดันธุรกิจโตยั่งยืน
IRPC ชูกลยุทธ์ “3 S” ยกระดับขีดความสามารถ ผลักดันธุรกิจโตยั่งยืน
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ในปี 2563 – 2564 ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ราคาน้ำมันผันผวน ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคม ธุรกิจ รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคสู่บริบทใหม่ หรือ new normal ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่งของ IRPC
ทั้งนี้ IRPC พร้อมรับมือกับความท้าทายดังกล่าว โดยการปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้างต้นทุน รูปแบบการทำธุรกิจและวิธีการทำงานที่เข้าใจ เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น (Human centric) ด้วยการใช้นวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมทั้งขยายขอบเขตการลงทุน สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรและการพัฒนาธุรกิจไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่
ทั้งนี้ IRPC ได้กำหนดเป้าหมายและวิธีการเดินหน้าสู่ความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ 3 S ได้แก่ Strengthening the core, Striving the growth, Sustaining the future ดังนี้
Strengthening the core การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจหลัก ได้แก่ แผนการลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 5 (Euro V) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ปี 2566
นอกจากนี้ ได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงาน IRPC 4.0 เป็นการนำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กร เช่น พัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในโรงงานเป็น Smart Operation ควบคุมและวางแผนระบบการผลิตด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพด้านการขายและการตลาด
โดยใช้ระบบดิจิทัล (Customer Centric Digital) ที่ทำให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการเลือกซื้อน้ำมันดิบ วัตถุดิบ การวางแผนการผลิต และการวางโครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรสู่ระบบดิจิทัล IRPC ยังให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างต้นทุน และการเพิ่มศักยภาพของทรัพยากรบุคคลให้สอดรับกับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตอีกด้วย
Striving the growth ขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ IRPC เล็งเห็นความสำคัญของการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty) เดินหน้าขยายธุรกิจด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรสู่ปิโตรเคมีปลายน้ำ ให้ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมมือกับ ปตท. ในการศึกษาการผลิต Melt Blown ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และ Nitrile Butadiene Latex วัตถุดิบที่นำไปผลิตเป็นถุงมือแพทย์ และการร่วมทุนกับบริษัท เจแปน โพลิโพรพิลีน คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ JPP เพื่อผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษพีพีคอมพาวด์ ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาต่อยอดไปยังธุรกิจปลายน้ำอื่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตในอนาคตต่อไป
Sustaining the future การพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน และสังคมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยการใช้พลังงานทดแทนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Change) การนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในองค์กรอย่างครบวงจร ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติสามารถนำกลับไปรีไซเคิล
รวมทั้งการสร้างความร่วมมือกับลูกค้าและองค์กรต่างๆ เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการนำพลาสติกกลับมารีไซเคิล (Zero Plastic Waste) และการสร้างคุณค่าให้กับสังคม (Creating Social Value) โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช สร้างห้องปฏิบัติการกลาง เพื่อตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2564
อย่างไรก็ตาม แม้การดำเนินธุรกิจของ IRPC จะเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย แต่การปรับตัวด้วยกลยุทธ์ควบคู่ไปกับการสร้างนวัตกรรม ทำให้ IRPC ได้เห็นโอกาสต่อยอดธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุควิถีใหม่ พร้อมการบริหารจัดการธุรกิจให้เกิด ดุลยภาพกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ IRPC เติบโตได้อย่างยั่งยืน