เคาะ 11 หุ้นเด่น! รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์-วัคซีนล็อตแรก หนุนธุรกิจฟื้น
เคาะ 11 หุ้นเด่น! รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์-วัคซีนล็อตแรก หนุนธุรกิจฟื้น
วานนี้(22 ก.พ.64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ มีมติขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ออกไปถึงวันที่ 31 มี.ค.2564
พร้อมเห็นชอบมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปรับระดับของสถานการณ์ให้เป็นพื้นที่สีเขียวมากขึ้น คือ มีความปลอดภัยมากขึ้น คงเหลือพื้นที่สีแดงไว้ที่จังหวัดสมุทรสาครเพียงจังหวัดเดียว
นอกจากนี้ได้ย้ำวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกจะเดินทางถึงประเทศไทยในวันที่ 24 ก.พ.นี้ แต่จะพิจารณาแผนกระจายวัคซีนต่อไป โดยใช้เวลาเตรียมการ 2-3 วัน พร้อมเมื่อใดจะฉีดให้กับประชาชนทันที และตนก็พร้อมจะฉีดเช่นเดียวกัน
จากปัจจัยดังกล่าวทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลัง ศบค.ผ่อนคลายบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังกล่าว อีกทั้งกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากวัคซีนล็อตแรกของบริษัท Sinovac จะมาถึงไทย วันที่ 24 ก.พ. 2564 มานำเสนอตามบทวิเคราะห์ได้ระบุไว้ดังนี้
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การฉีดวัคซีน COVID-19 ทั่วโลกเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทั่วโลกมีผู้ที่ได้รับวัคซีน จำนวน 109.1 ล้านคน หรือคิดเป็นราว 1.4% ของประชากรทั้งโลก เพิ่มขึ้นจากช่วงปลาย เดือน ม.ค. 2564 ที่มีอยู่ราว 55.1 ล้านคน หรือ 0.71% ของประชากรโลก
ส่วนในฝั่งเอเชีย ปัจจุบันเริ่มเห็นความคืบหน้าของวัคซีนมากขึ้นเช่นกัน (ตามหลังยุโรป และสหรัฐที่เริ่มต้นฉีดวัคซีนกันไปก่อนหน้า) สะท้อนจากในช่วงกลางเดือน ก.พ. 2564 ที่ ผ่านมา หลายประเทศในเอเชียเริ่มเดินหน้าฉีดวัคซีนกันมากขึ้น เช่น ญี่ปุ่น เริ่มฉีดวันที่ 17 ก.พ. 2564,มาเลเซียจะเริ่มฉีดวันที่ 24 ก.พ. 2564 และฮ่องกงจะเริ่มฉีดในช่วงปลาย ก.พ. – 2564 เป็นต้น
ในส่วนของไทย วัคซีนล็อตแรกของบริษัท Sinovac (ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติจีน) จะมาถึงไทย วันที่ 24 ก.พ. 2564 และจะสามารถเริ่มต้นฉีดวัคซีนเข็มแรกในไทยภายในปลายเดือน ก.พ. 2564 นี้ จำนวนผู้ติดเชื้อยังมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่อง
ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 92 ราย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงต้น-กลาง ก.พ. 2564 ที่พบราววันละเกือบ 400 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยที่ลดลง ส่งผลให้ภาครัฐเดินหน้าผ่อนคลาย Lockdown กิจกรรม ทางเศรษฐกิจ
โดย(วานนี้)ได้ให้น้ำหนักการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ว่าจะพิจารณาอนุมัติผ่อน คลายผ่านการปรับลดพื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่ควบคุมลง ตามที่ ศบค. ชุดเล็ก เห็นชอบ โดยภาพรวมจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง,การผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และภาครัฐยังไม่ปิดโอกาสสำหรับการอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีน
โดยเชื่อว่าจะยังเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง เช่น หุ้นกลุ่มพัฒนา อสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก (CPN, CRC, HMPRO, CPALL, SPVI), กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (MINT, CENTEL, ERW), กลุ่มอาหาร (M) รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, PR9) เป็นต้น
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จิตวิทยากลุ่มท่องเที่ยวได้แรงหนุนจากศบค.เตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมและข่าววัคซีน โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92 ราย อยู่ในทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการประชุมศบค.ชุดใหญ่วานนี้(22 ก.พ.) น่าจะมีการพิจารณาถึงการขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกไป แต่จะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมมากขึ้น ทั้งร้านอาหาร สถานบันเทิง รวมถึงพื้นที่สีแดง ก่อนจะเสนอ ครม.ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ต่อไป
ขณะที่วัคซีนล็อตแรกมีกำหนดถึงไทย 24 ก.พ.นี้. แม้จะเป็นจำนวนที่น้อยและอาจต้องรอจนไตรมาส 3/65 กว่าที่คนไทยส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีน แต่ข่าวดังกล่าวประกอบกับเรื่อง REITs buy back คาดส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นธนาคาร
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้น ซื้อเก็งกำไรเล่นรอบ หากดัชนีปรับลง จากปัจจัยต่างประเทศผันผวน เก็งรีบาวด์ มีการหมุนสลับกลุ่มเล่น เน้นรายตัวที่มีข่าวดี โดยเฉพาะบริษัทมีกำไรไตรมาส 4/2563 ดีเกินคาด หุ้นกลุ่มวัฏจักร เมื่อวัคซีนไทยเข้าเช่น ท่องเที่ยว พลังงาน ธนาคาร และนิคมฯ ส่วนนักลงทุนระยะยาว ทยอยสะสมเพื่อการลงทุน เพราะยังเชื่อใน Theme วัคซีนที่จะดีขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2564 การเล่นรอบระยะนี้ควรเข้าไว-ออกไว
อนึ่งที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ได้เห็นชอบผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนี้
-พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดง) มี 1 จังหวัดเท่าเดิม คือ สมุทรสาคร
-พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) เหลือ 8 จังหวัด จากเดิม 20 จังหวัด ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี
-พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เหลือ 14 จังหวัด จากเดิม 17 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระนอง ชลบุรี ระยอง ชุมพร สงขลา ยะลา นราธิวาส
-พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) เพิ่มเป็น 54 จังหวัด จากเดิม 35 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท นครราชสีมา นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบูรณ์ สุโขทัย สุราษฎร์ธานี อุทัยธานี กระบี่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง นครพนม ชัยภูมิ นครศรีธรรมราช น่าน บึงกาฬ ปัตตานี พะเยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุบลราชธานี อ่างทอง สระแก้ว จันทบุรี สิงห์บุรี ตราด ปราจีนบุรี และลพบุรี
สำหรับการผ่อนคลายมาตรการในแต่ละกิจการ/กิจกรรม ของแต่ละพื้นที่ เป็นดังนี้
พื้นที่สีแดง
-ร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. (สามารถรับประทานอาหารในร้านได้ แต่งดดื่มสุรา)
-สถานบันเทิง ผับ บาร์ ยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ
-ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. (จำกัดจำนวนคน, งดจัดกิจกรรม)
-สถานศึกษา, สถาบันกวดวิชา ให้เรียนแบบออนไลน์เท่านั้น
-สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง, ยิม, ฟิตเนส ยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ
-พื้นที่สีส้ม
-ร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. (สามารถรับประทานอาหาร และดื่มสุราในร้านได้)
-สถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. (ดื่มสุรา-แสดงดนตรีสดในร้านได้ แต่งดเต้นรำ)
-ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ตามปกติ (จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย)
-สถานศึกษา, สถาบันกวดวิชา เรียนแบบปกติ/ผสมผสาน
-สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง, ยิม, ฟิตเนส เปิดบริการปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
พื้นที่สีเหลือง
-ร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. (สามารถรับประทานอาหาร และดื่มสุราในร้านได้)
-สถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. (ดื่มสุรา-แสดงดนตรีสดในร้านได้ แต่งดเต้นรำ)
-ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ตามปกติ (จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย)
-สถานศึกษา, สถาบันกวดวิชา เรียนแบบปกติ/ผสมผสาน
-สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง, ยิม, ฟิตเนส เปิดบริการปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
พื้นที่สีเขียว
-ร้านอาหาร เปิดบริการได้ตามปกติ
-สถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดบริการได้ตามปกติ
-ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ตามปกติ (จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย)
-สถานศึกษา, สถาบันกวดวิชา เรียนแบบปกติ/ผสมผสาน
-สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง, ยิม, ฟิตเนส เปิดบริการปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
-ทั้งนี้ จังหวัดอาจกำหนดพื้นที่ย่อยมีมาตรการเข้มกว่าศบค.กำหนดได้ ตามสถานการณ์โรคของจังหวัด
ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน