BGC รอผถห.ไฟเขียวควบรวม 2 กิจการ “BGP-BVP” มั่นใจหนุนผลงานโตแกร่ง
BGC รอผถห.ไฟเขียวควบรวม 2 กิจการ “BGP-BVP” มั่นใจหนุนผลงานโตแกร่ง เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการ
นายศิลปะรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทเจอกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้ยอดขายปรับตัวลดลงราว 7% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่พอใจ
ทั้งนี้ ในส่วนของรายได้จากการขายในงวดไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ 3.07 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3.01 พันล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายของทั้งปี 2563 อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านบาท
กำไรขั้นต้นไตรมาส 4 ปี 2563 บริษัทมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 16.7% เพิ่มขึ้น 58bps และสำหรับงวดปี 2563 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 2,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 18.7% เพิ่มขึ้น 307bps โดยมีสาเหตุหลักดังนี้
(1) กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและกลุ่มพลังงาน โดยกำไรขั้นต้นจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วเพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานเฉลี่ยลดลง 24% และราคาโซดาแอชเฉลี่ยลดลง 15% เปรียบเทียบกับช่วงสิบสองเดือนของปีก่อน
(2) สำหรับงวด 1 ปี กลุ่มพลังงานมีกำไรขั้นต้น 196 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 43.1% ซึ่งส่งผลทำให้กำไรขั้นต้นของทั้งกลุ่มบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยกำไรขั้นต้นจากกลุ่มพลังงานคิดเป็น 10% ของทั้งกลุ่มบริษัท
พร้อมกันนี้ บอร์ดบริษัทมีมติจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.63- 31 ธ.ค.63 เป็นเงินสด 0.12 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล หรือ XD วันที่ 21 เม.ย.64 และกำหนดจ่าย 7 พ.ค. 64
ทั้งนี้ หากรวมกับที่จ่ายปันผลไปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ที่ 0.34 บาทต่อหุ้น เท่ากับในปี 2563 เป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่ 62%
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 นี้ บริษัทเตรียมลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ในกิจการ 2 บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม โดย BGC จะเข้าถือหุ้น 100% และบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ กำลังการผลิตประมาณ 5 หมื่นตันต่อปี โดย BGC จะเข้าถือหุ้นทั้งหมด 100% เช่นกัน
ทั้งนี้การเข้าซื้อกิจการทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว บริษัทฯ จะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ก่อน ซึ่งเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว ก็จะสามารถดำเนินการลงทุนได้ทันที โดยมั่นใจว่าการลงทุนดังกล่าวจะเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจและผลการดำเนินงานของ BGC ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้และผลกำไรจากบริษัทฯ ที่เข้าลงทุน หลังเสร็จสิ้นกระบวนการเข้าควบรวมกิจการ
ประกอบกับบริษัทฯจะสามารถนำเสนอบริการแบบครบวงจร (One stop service) ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ พร้อมฉลาก ฝา และกล่องกระดาษ โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ มีเทคโนโลยีด้านการออกแบบที่ทันสมัย รวมถึงยังเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้าจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย คาดว่าบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนดังกล่าวตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการนอกเครืออีก 1 บริษัท ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกล่องกระดาษ กำลังการผลิตราว 1 แสนตันต่อปี คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในไตรมาส 1/64 และคาดใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ราว 900 ล้านบาทของงบลงทุนรวม