WHAUP กำไรปี 63 แตะ 812 ลบ. ปันผล 0.16 บ. เปิดแผนปี 64 ลุยขยายพอร์ตธุรกิจพลังงาน
WHAUP กำไรปี 63 แตะ 812 ลบ. ปันผล 0.16 บ. เปิดแผนปี 64 ลุยขยายพอร์ตธุรกิจพลังงาน
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP รายงานผลประกอบการปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2563 ดังนี้
ทั้งนี้ WHAUP รายงานผลประกอบการประจำปี 2563 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติจำนวน 2,599 ล้านบาท ลดลง 25% จากปี 2562 และกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Income) ซึ่งเป็นดัชนีหลักในการสะท้อนผลการดำเนินงานจำนวน 764 ล้านบาท ลดลง 56% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรทางบัญชีจากโรงไฟฟ้า Gheco-One เนื่องจากอัตราค่าความพร้อมจ่ายที่ลดลงตามสัญญา รวมถึงภาวะภัยแล้งและการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสาธารณูปโภคของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 บริษัทฯ เดินหน้ากำหนดเป้าหมายการขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคทั้งภายในและนอกประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นทั้งด้านพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งงบลงทุน 5 ปี (2564 – 2568) ไว้ที่ 12,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่า รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติปี 2564 จะเติบโต 25% รวมถึงสามารถรักษาอัตรากำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคาดอกเบี้ยและภาษี (EBITDA Margin) ให้อยู่ที่ระดับไม่น้อยกว่า 50%
ทั้งนี้ ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้าในปี 2563 ได้รับผลกระทบจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรทางบัญชีจากโรงไฟฟ้า Gheco-One เนื่องจากอัตราค่าความพร้อมจ่ายที่ลดลงตามสัญญา อัตราค่าเงินบาทที่แข็ง และราคาถ่านหินที่ลดลง ในขณะที่โรงไฟฟ้าในกลุ่ม SPP ยังมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจาก Covid-19 แต่ผลประกอบการในครึ่งปีหลังแสดงการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยส่วนแบ่งกำไรปกติเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก 28% รวมถึงบริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) ที่ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 เป็นต้นมา
สำหรับในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ มียอดสะสมของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเท่ากับ 51 เมกะวัตต์ และบริษัทฯ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปแล้วกว่า 40 เมกะวัตต์ ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการขยายธุรกิจด้านพลังงานสะอาด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในแบบที่ติดตั้งบนหลังคา แบบลอยน้ำ และบนพื้นดิน เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมภายในประเทศให้เติบโตเพิ่มขึ้น 6 เท่า คิดเป็น 300 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปี ควบคู่ไปกับการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรและภาคส่วนต่างๆ อาทิเช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการศึกษาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานในรูปแบบต่างๆ เช่น ตลาดซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบ Peer to Peer Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นต้น
ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับธุรกิจไฟฟ้าในปี 2564 นั้น บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจทั้งภายในและนอกนิคมอุตสาหกรรม ทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม รวมทั้งเสาะหาและศึกษาโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A opportunity) ต่างๆ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของ WHAUP ในปี 2564 แตะระดับ 670 เมกะวัตต์
ด้านผลการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภค ปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำโดยรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศปี 2563 เท่ากับ 114 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าจะมีปัญหาภัยแล้งและการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปัญหาดังกล่าวได้คลี่คลายลงในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตและมีความต้องการใช้น้ำสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำในประเทศในไตรมาส 4 ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยปี 2564 บริษัทฯตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำโดยรวมเพิ่มเป็น 153 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 34% จากปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ รับรู้กำไรเพิ่มขึ้นจากการผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) ได้แก่ น้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) น้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) และการนำน้ำเสียมาบำบัดและใช้ใหม่ (Wastewater Reclamation) โดยในปี 2563 ที่ผ่านมาได้มีการลงทุนขยายกำลังการผลิตโครงการ Wastewater Reclamation เพิ่มเป็น 11 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งนอกจากนำน้ำที่ได้จากกระบวนการบำบัดดังกล่าวไปผลิตเป็น Demineralized Water และ Premium Clarified Water ยังสามารถลดต้นทุนการพึ่งพิงน้ำจากแหล่งน้ำอื่น ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายธุรกิจและเพิ่มการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ด้านการลงทุนในประเทศเวียดนาม ในปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าปริมาณน้ำที่จัดจำหน่ายและบริหารจัดการภายในเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนลูกบาศก์เมตรต่อปี ตามยอดขายที่ดินของเขตประกอบการฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนงานของบริษัท เก๋อ หล่อ วอเตอร์ ซัพพลาย (Cua Lo Water Supply) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในเมืองเหงะ อาน ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 47.3% ก็มีแผนขยายกำลังการผลิตน้ำจาก 4.7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็น 8.4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ในปี 2564
สำหรับ บริษัท ดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (SDWTP) หนึ่งในผู้ให้บริการน้ำประปาชั้นนำของเมืองฮานอย ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 34% ได้ขยายพื้นที่การจำหน่ายน้ำประปาไปยังเขตอุตสาหกรรมทั้งในบริเวณจังหวัดฮานอย และจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดบั๊กนิญ (Bac Ninh) และจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) ซึ่งบริษัท ดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ ได้ดำเนินการขยายท่อประปาเพื่อให้บริการน้ำประปาแก่ลูกค้าทั้งสามจังหวัด และตั้งเป้ายอดจำหน่ายน้ำในปี 2564 ที่ 76 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อนอีกด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลรวมสำหรับผลประกอบการปี 2563 ที่ 0.2525 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับเงินปันผลที่จ่ายของปีก่อน โดยเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วจำนวน 0.0925 บาทต่อหุ้น และเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มเติมอีก 0.16 บาทต่อหุ้น โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อรับเงินปันผล (Recorded Date) ในวันที่ 28 เมษายน 2564 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ตามลำดับ