SCB ปล่อยกู้ PACE เพิ่ม 1.5 พันลบ. ปิดจ๊อบ “นิมิต หลังสวน” มองท่องเที่ยวเริ่มฟื้นปลายปี
SCB ปล่อยกู้ PACE เพิ่ม 1.5 พันลบ. ปิดจ๊อบ "นิมิต หลังสวน" มองท่องเที่ยวเริ่มฟื้นปลายปี
นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมปล่อยวงเงินสินเชื่อให้กับบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE วงเงิน 1.5 พันล้านบาท หลังจากศาลอนุญาตให้ธนาคารสามารถให้วงเงินสินเชื่อให้กับ PACE กู้ได้ โดยที่ PACE จะนำเงินกู้ดังกล่าวไปก่อสร้างโครงการนิมิต หลังสวน ให้แล้วเสร็จ ซึ่งปัจจุบันโครงการนิมิตหลังสวนได้ชะลอการก่อสร้างออกไป และหลังจากที่ธนาคารให้วงเงินสินเชื่อกับ PACE แล้วจะสามารถทำให้งานก่อสร้างกลับมาเดินหน้าได้และสามารถส่งมอบให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้มีลูกค้าจองซื้อไปทั้งหมดแล้ว
สำหรับแนวโน้มคุณภาพหนี้ของลูกค้าธนาคารนั้น ปัจจุบันธนาคารยังคงติดตามแนวโน้มของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้า เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถกลับมาเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เมื่อใด แม้ว่าจะเริ่มมีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาฉีดแล้วก็ตาม
โดยกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งธนาคารมีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมมากที่สุดในตลาด ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 15-20% ของตลาดรวมทั้งหมด หรือคิดเป็นวงเงินให้สินเชื่อกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมราว 8 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อรวมของธนาคารที่มีอยู่กว่า 2 ล้านล้านบาท โดยที่ธนาคารยังคงช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับลูกค้าดังกล่าวอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการมีมาตรการพักชำระหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ออกมาช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งขยายระยะเวลาไปถึงเดือนมิ.ย. 64 โดยที่มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรมเข้ามาตรการในสัดส่วน 90% ของทั้งหมด และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการ ธนาคารจะพิจารณาการช่วยเหลือให้กับลูกค้ากลุ่มโรงแรมตามความเหมาะสม
ขณะที่ยังมองว่าการท่องเที่ยวยังไม่น่ากลับมาได้เร็วมากนัก เพราะความชัดเจนของการเปิดประเทศก็ยังไม่ออกมาแม้ว่าจะมีวัคซีนมาแล้ว ซึ่งอย่างเร็วที่เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ก็คงปลายปี หรืออย่างช้าจะเป็นช่วงไตรมาส 1-ไตรมาส 3 ปีหน้า ซึ่งธุรกิจโรงแรมถือว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะโรงแรมที่อิงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวในประเทศมากก็เริ่มมีอัตราการเข้าพักเพิ่มมาเป็น 30-40% ซึ่งยังทำไห้ธุรกิจเขาไปต่อได้ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องดูแลลูกค้าของเราต่อเนื่อง เพราะธุรกิจโรงแรมพื้นฐานยังดีอยู่แต่ปัจจัยโควิด-19 ทำให้ธุรกิจกระทบชั่วคราว และกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมก็กู้ยืมในสัดส่วนที่น้อยเพียง 40% ของมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้ธนาคารไม่มีความกังวลในเรื่องผลกระทบการตั้งสำรองฯ
สำหรับการเติบโตของสินเชื่อในปี 64 ที่ธนาคารตั้งเป้าไว้เติบโต 3-5% จะเน้นไปที่การเติบโตของกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งจะได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ทยอยออกมา และการที่ธุรกิจรายใหญ่มีโอกาสในการทำดีลซี้อกิจการ (M&A) ในปีนี้ ทำให้มีความต้องการใช้สินเชื่อที่สูงขึ้น และยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่อรายย่อยในบางกลุ่มที่สามารถเติบโตได้ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี่มองว่าจะมาจากปัจจัยผลักดันการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจขายประกัน หลังจากที่ปีก่อนธนาคารมีพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วม คือ FWD และธุรกิจของกลุ่มลูกค้า Wealth ที่ยังรายได้ค่าธรรมเนียมการเติบโตที่ดีราว 20% ต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากธนาคารเน้นการให้บริการแก่ลูกค้าในกลุ่มการลงทุนประเภท High Value ที่มีอัตราค่าธรรมเนียมสูงกว่า 0.5% ขึ้นไปในสัดส่วนที่มากส่งผลให้รายได้ที่มาจากกลุ่ม Wealth เติบโตได้ดีมาต่อเนื่อง
ด้านธุรกิจร้าน Dean and Deluca ของ PACE หลังจากเข้าแผนฟื้นฟูในสหรัฐฯ หรือ Chapter 11 แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างของธุรกิจใหม่ และปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์แม้ว่าธุรกิจร้าน Dean and Deluca ในประเทศไทยและเอเชีย จะสามารถทำกำไรได้ แต่จากการแพร ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้ธุรกิจชะลอตัวไปบ้าง ซึ่งทางธนาคารและ PACE ต่างร่วมกันหาแนวทางในการปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์