STA มองดีมานด์ยางปี 64 ขาขึ้นรอบใหม่! ดันปริมาณขายโต 16% ทะลุ 1.2 แสนตัน
STA มองดีมานด์ยางปี 64 ขาขึ้นรอบใหม่! ดันปริมาณขายโต 16% ทะลุ 1.2 แสนตัน
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผยถึงการดำเนินงานของบริษัทในปี 64 คาดว่าจะมีปริมาณการขายยางพาราธรรมชาติทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านตัน หรือเฉลี่ยไตรมาสละไม่ต่ำกว่า 3 แสนตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 16% จากปี 63 ที่มีปริมาณการขายยางพาราธรรมชาติ 1.03 ล้านตัน โดยสถานการณ์ในช่วง 1-2 เดือนแรกที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
ขณะที่สถานการณ์ราคายางพาราธรรมชาติไตรมาส 1/64 ยังอยู่ในระดับที่ดี คาดว่าราคาเฉลี่ยยางแท่งจะเพิ่มขึ้น 5-10% จากไตรมาส 4/63 ที่มีราคาเฉลี่ย 148 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้ยางที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคาดว่าจะเห็นดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
ล่าสุด บริษัทเดินหน้าขยายกำลังการผลิตน้ำยางข้น (Concentrated Latex) อีกกว่า 1.1 แสนตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากกำลังการผลิต ณ สิ้นปี 63 ได้แก่ การขยายกำลังกำลังการผลิตโรงงานจังหวัดบึงกาฬ ชุมพรและสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในไตรมาส 1/65 ไตรมาส 3/65 และไตรมาส 1/66 ตามลำดับ เพื่อตอบสนองดีมานด์จากอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากการประเมินภาพรวมความต้องการใช้ยางธรรมชาติ (Natural Rubber) ในปี 64 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่ โดยประเมินแนวโน้มความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติทั่วโลกอยู่ที่ 13.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7% เทียบกับปี 63 ที่คาดว่ามีความต้องการใช้ทั่วโลกรวม 12.5 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 62 และคาดการณ์ว่าจะเห็นภาพรวมความต้องการใช้ทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 65 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
สำหรับสถานการณ์ราคายางแท่งในเดือน ก.พ.64 เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับกว่า 160 เซนต์/กิโลกรัม เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี 63 อยู่ที่ 131 เซนต์/กิโลกรัม โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 22%
“ปัจจัยที่ราคายางพาราธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้นนั้น เกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนที่กลับมาเติบโตได้ดี โดยจีนเป็นหนึ่งในประเทศผู้บริโภคยางพารารายใหญ่ของโลก ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ยางเพื่อการผลิตยางล้อในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงได้รับผลดีจากความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติ ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยาง หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19” นายวีรสิทธิ์ กล่าว