TOA ยึดเป้ารายได้ปีนี้โต 10% รุกเพิ่มช่องทางขาย-ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า
TOA ยึดเป้ารายได้ปีนี้โต 10% รุกเพิ่มช่องทางขาย-ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 10% หรือราว 1.7 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 1.62 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากยอดขายในประเทศที่คาดเติบโต 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท และต่างประเทศเติบโต 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.24 พันล้านบาท เป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่น่าจะส่งผลดีต่อทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงแรม, โรงงาน รวมถึงเกษตกร จากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เช่น ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาโซลูชั่น WHO Service ซึ่งจะรวมผู้รับเหมามืออาชีพ ทั้งซ่อมแซม ต่อเติม หรือสร้างใหม่ เพื่อสนับสนุนให้คนหันมาแต่งบ้านกันมากขึ้น โดยปัจจุบันก็มีผู้ที่เข้ามาใช้บริการแล้วจำนวน 1.77 พันโครงการ
ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นนำเสนอวัสดุก่อสร้างอย่างครบวงจร ล่าสุด บริษัท เมกา เพ้นท์ แอนด์ โฮม จำกัด (MGPH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TOA ถือหุ้น 100% ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท ภชา เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (PCE) และบริษัท ภาวตรี อินเตอร์เทรด จำกัด (PWT) ในสัดส่วน 52% โดย PCE ประกอบกิจการนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระเบื้อง และ PWT ประกอบกิจการนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระเบื้อง บริษัทฯ คาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ซึ่ง TOA จะช่วยในเรื่องของการกระจายสินค้า โดยเฉพาะการขายในงานโครงการ เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีแผนทยอยขึ้นราคาสินค้าในปีนี้ราว 5-10% (ขึ้นอยู่กับแต่ละกลุ่มสินค้า) เนื่องจากราคาวัตถุดิบ หรือราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามมองว่าการฟื้นตัวของราคาน้ำมันถือเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และยังไม่ทราบว่าจะเร็วและแรงเพียงใด จึงยังไม่สามารถคาดเดาราคาวัตถุดิบได้ว่าที่ขึ้นมาขณะนี้จะสิ้นสุดแล้วหรือยัง แต่บริษัทฯ จะพยายามรักษาระดับกำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไว้ที่ 18.5%
นอกจากนี้บริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยจะใช้ในโครงการที่ชะลอมาจากปีก่อน, ปรับปรุงโรงงาน ที่มีอายุค่อนข้างมาก ราว 30 ปี, นำเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์เข้ามาใช้ และเพิ่มกำลังการผลิตบางส่วนในบางหน่วยการผลิต
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/64 บริษัทฯ คาดรายได้น่าจะเติบโตต่อเนื่อง เป็นไปตามยอดขายในประเทศ และต่างประเทศ (ไม่รวมเมียนมา) ที่ยังมีการเติบโตดีอยู่ เห็นได้จากความต้องการที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น เช่น งานโครงการใหญ่ๆ จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการพัฒนาแนวราบมากขึ้น รวมถึงการทยอยฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 น่าจะทำให้ภาพรวมขยับขยายได้มากขึ้น