ORI ทุ่ม 2 หมื่นลบ. เปิด 20 โครงการ เดินเกมรุกหนัก 3 ธุรกิจใหม่ ดันรายได้แตะ 1.4 หมื่นลบ.

ORI กางแผนเปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้าน-ลุยขยายพอร์ตสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย 2.9 หมื่นลบ. ดันรายได้แตะ 1.4 หมื่นลบ.


นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า แผนสำหรับปี 2564 บริษัทจะเน้นการเติบโตภายใต้แนวคิด “ORIGIN NEXT LEVEL” สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) สำหรับแนวคิด ORIGIN NEXT LEVEL ประกอบด้วย 2 แกนหลัก ได้แก่

1.Next Level of Business Expansion ขยายธุรกิจทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกด้วยทำเลใหม่ (New Location) แบรนด์ใหม่ (New Brand) กลุ่มธุรกิจใหม่ (New Business) ความร่วมมือใหม่ (New Collaboration) เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ (New Target Segmentation) โดยกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยจะมีการเปิดตัวใหม่ในปีนี้ 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท

2.Next Level of Living Solutions สร้างสรรค์ทั้งฟังก์ชั่นใหม่ (New Function) และบริการใหม่ (New Services) ในบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนยุค Now Normal ไปจนถึง Next Normal

“วันนี้เราไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย เรามองตัวเองสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสินค้าและบริการต่อยอดไปได้อย่างต่อเนื่อง หรือ Beyond Property เพื่อตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่นตลอดช่วงชีวิตของเขา” นายพีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยแผนการก้าวไปข้างหน้าแบบ Next Level จะสร้างรากฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคงให้แก่บริษัทในระยะยาว และส่งผลให้บริษัทมียอดขายในปี 2564 ถึง 29,000 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทหรือเป็น All Time High และมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท

ด้าน นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจบ้านจัดสรรสไตล์ Modern British ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทถือเป็น New S Curve ของเครือที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสินค้าคุณภาพ จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค สามารถปิดการขายโครงการบ้านจัดสรรหลายโครงการได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง และสามารถขยายแบรนด์บ้านจัดสรรออกมาถึง 4 แบรนด์ ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) แกรนด์บริทาเนีย (Grand Britania) บริทาเนีย (Britania) และไบรตัน (Brighton) ครอบคลุมตลาดตั้งแต่ระดับ 2.5-50 ล้านบาท

โดยในปี 2564 นี้ บริษัทจึงจะเดินหน้าเติบโตแบบ Next Level สอดรับกับวิสัยทัศน์ของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,400 ล้านบาท หรือสูงติดระดับท็อปของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มแนวราบในปีนี้ ตอกย้ำความแข็งแกร่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และการขยายตลาดในปีนี้ มุ่งเน้นการเติบโตในทำเลใหม่ๆ โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯที่ยังมีดีมานด์สูง เพื่อเป็นรากฐานสู่การเปิดโครงการสะสมจนครอบคลุม 10 จังหวัดในปี 2565 ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อแสดงตัวตนและสื่อถึงความเป็นผู้ประกอบการที่มีการปรับตัวให้ทันสมัยต่อสถานการณ์ในยุคนี้

ด้าน นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจกลุ่มสมาร์ทคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากของผู้บริโภคทั้งในยุค Now Normal และ Next Normal ทำให้เรามองเห็นโอกาสการเติบโตในน่านน้ำใหม่ๆ ปีนี้ กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้น จึงจะเติบโตแบบ Next Level ด้วยการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,600 ล้านบาท เกาะแนวรถไฟฟ้าและ EEC

โดยมีแบรนด์ใหม่ถึง 4 แบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ได้แก่ 1.ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) เจาะตลาดกลุ่ม Gen Y และ Gen Z โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำสตาร์ทอัพของตัวเอง โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับคนกลุ่มดังกล่าว 2.บริกซ์ตัน (Brixton) แบรนด์ราคาเข้าถึงง่าย สำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม (Affordable Niche) คอนเซ็ปต์แต่ละโครงการ อาจเจาะลูกค้าแตกต่างกันไป เช่น เจาะกลุ่มนักศึกษา-คนทำงานใกล้มหาวิทยาลัย (Campus) เจาะกลุ่มคนรักสัตว์ (Pet Lover) 3.แฮมป์ตัน (Hampton) แบรนด์คอนโดเจาะตลาดนักลงทุนโดยเฉพาะ โดยมีสิทธิพิเศษและการันตีผลตอบแทนแก่ผู้ซื้อ นำร่องในศรีราชาและระยอง 4.ออริจินอล (Original) คอนโดสำหรับเจาะตลาดผู้สูงอายุ (Silver Age)

“11 ปีของออริจิ้น เราพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมสะสมถึงกว่า 110,000 ล้านบาท โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะเราคิดเร็ว ปรับตัวเร็ว และพัฒนาสินค้าและบริการคุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในยุคใหม่ได้ดีอยู่เสมอ เมื่อ 4 แบรนด์ใหม่นี้ ประกอบกับแบรนด์ดั้งเดิมทั้งดิ ออริจิ้น ไนท์บริดจ์ โซโห แบงค็อก และพาร์ค ออริจิ้น จะช่วยให้เราขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น”  นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน นายสมสกุล แสงสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานออกแบบผลิตภัณฑ์ ORI กล่าวว่า Next Level of Living Solutions ของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มาจากแนวคิดที่ต้องการให้ผู้บริโภคมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะเดียวกัน ก็มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากทั้งเรื่อง Now Normal และสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) บริษัทจึงได้จับมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพจำนวนมาก เพื่อมากระจายตัวดูแลลูกบ้านทั้งในโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรด้านโรงพยาบาลเสมือนจริง (Virtual Hospital) และมอบบัตร Origin Samitivej Club เข้ามาบริการตรวจสุขภาพ ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการบำบัด วิทยาศาสตร์การกีฬา ให้ถึงในโครงการที่อยู่อาศัย หรือเป็น Hospital at Home อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคไม่ต้องเดินทางไปถึงโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ยังคงจับมือกับโรงพยาบาลใกล้เคียงแต่ละโครงการ (Local Hospital) เช่น โรงพยาบาลสินแพทย์ อำนวยความสะดวกอีกทางหนึ่งให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงมี Let’s Relax เข้ามาให้บริการสปาผ่อนคลายสุขภาพ

นอกจากนี้ บริษัทได้จับมือกับศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการออกแบบ สภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน และสวางคนิเวศ เพื่อดำเนินการ Senior Living Lab ศึกษาวิจัยสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุไทยในปัจจุบัน และยกระดับการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับคนกลุ่มดังกล่าว

“ปีนี้เรามีแบรนด์ใหม่ค่อนข้างเยอะ และหลากหลาย แต่แบรนด์ต่างๆ เหล่านี้ ล้วนผ่านความร่วมมือ และการศึกษาวิจัยถึง Pain Point ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัย โครงการสำหรับคนรักสัตว์ควรต้องมี Floor Drain อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการอยู่อาศัยจริง ผู้สูงอายุต้องการอะไรในที่อยู่อาศัย เราคิดและศึกษาอย่างละเอียด เพื่อให้ Living Solutions ของเรามอบอีกระดับของความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภค” นายสมสกุล กล่าว

ด้าน นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) กล่าวว่า ปีนี้เครือ ออริจิ้น จะก้าวไปแบบ Next Level กับธุรกิจใหม่อีก 3 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare) อาทิ กลุ่มธุรกิจเสริมความงาม กลุ่มศูนย์บริการสุขภาพ กลุ่มแพลทฟอร์มให้บริการสุขภาพออนไลน์และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ

2.กลุ่มธุรกิจศูนย์โลจิสติกส์ (Logistic Center) ดำเนินกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ ภายใต้การร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD คาดว่าจะเปิดเผยแผนธุรกิจร่วมกันได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้

3.กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company หรือ AMC) นำรากฐานองค์ความรู้และความพร้อมในเครือบริษัท มาต่อยอดสู่การดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างเข้มแข็งและครบวงจร ร่วมกันบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ COVID-19 โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้บริโภค การคัดกรองทรัพย์ การพัฒนาโครงการ การรีโนเวท การขาย การตลาด มาเพิ่มมิติในการดูแลผู้บริโภคและมิติการเติบโตสู่อีกระดับของเครือ คาดว่าจะเปิดเผยแผนธุรกิจและพันธมิตรได้เร็วๆ นี้

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยในปีนี้จะพัฒนาโครงการวัน ออริจิ้น สนามเป้า (One Origin Sanampao) เป็นโครงการอาคารสำนักงาน ขนาดพื้นที่กว่า 56,100 ตร.ม. ติด BTS สนามเป้า ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ความต้องการอาคารสำนักงานในฝั่งกรุงเทพฯตอนเหนือที่ยังคงขยายตัวได้ดี เชื่อมั่นว่าสินค้าและบริการของเครือออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ จะตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่นในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิต

Back to top button