GUNKUL ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 20% ทุ่ม 2 หมื่นลบ. ลงทุน 3 ปี ดันกำลังผลิตแตะ 1,000 MW
GUNKUL ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 20% ทุ่ม 2 หมื่นลบ. ลงทุน 3 ปี ดันกำลังผลิตแตะ 1,000 MW
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL นำเสนอข้อมูลผลประกอบการงวดปี 2563 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ว่า เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯทุกภาคส่วนขยายตัวและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องทุกปี
โดยเห็นได้จากผลประกอบการปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,425 ล้านบาท เติบโต 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,222 บาท โดยรายได้รวมปี 2563 อยู่ที่ 10,975 ล้านบาท เติบโต 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,195 ล้านบาทขณะที่ฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีสินทรัพย์รวม จำนวน 46,032.16 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน 39,041.54 ล้านบาท
สำหรับปัจจุบัน GUNKUL มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 624.2 เมกะวัตต์ (MW) ใน 4 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศไทย แบ่งเป็นโซลาร์ฟาร์ม 124.8 เมกะวัตต์,พลังงานลม 170 เมกะวัตต์,โซลาร์รูฟ 3 เมกะวัตต์ ส่วนประเทศญี่ปุ่นเป็นโซลาร์ฟาร์มมี 2 โครงการ กำลังผลิตรวมอยู่ที่ 63.3 เมกะวัตต์ ขณะที่ประเทศเวียดนามมีโซลาร์ฟาร์ม 4 โครงการกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 160 เมกะวัตต์ และประเทศมาเลเซียเป็นโซลาร์ฟาร์มกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 20.99 เมกะวัตต์
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 % ซึ่งเป็นการเติบโตในธุรกิจทุกด้าน ทั้งในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจ EPC โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เมกะวัตต์ขณะที่ธุรกิจงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ยังมีงานประมูลใหม่ๆ เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ จากปัจจุบันมีงาน EPC ในมือ (Backlog) ประมาณ 8,500 ล้านบาท
โดยปีนี้ตั้งเป้างาน EPC ในมือไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท และยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจอุปกรณ์ระบบไฟฟ้ารับเหมาก่อสร้าง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งโซลาร์และพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ขณะเเดียวกันบริษัทได้ตั้งงบลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2564-2566) อยู่ทีประมาณ 20,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 7,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจพลังงาน 400-500 เมกะวัตต์ (MW) ประมาณ 17,000 ล้านบาท และธุรกิจ Built2Suit ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยภายในปี 2566 คาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 1,000 เมกะวัตต์ (MW)
ส่วนในปี 2563-2565 ได้ตั้งเป้ารายได้ และกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20% และบริษัทเชื่อมั่นว่าภายในปี 2567 รายได้รวมปีจะอยู่ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท และ EBITDA จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 7,000 ล้านบาท
ดร.สมบูรณ์ กล่าวต่อว่า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ GUNKUL จึงได้ปรับองค์กรครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้งทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อดูแลบริหารงานเชิงกลยุทธ์และด้านปฏิบัติการของธุรกิจต่างๆ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจแต่ละด้าน
โดยแบ่งเป็น 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ,ธุรกิจพาณิชย์ ธุรกิจรีเทล ธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ดิจิทัลโซลูชั่นส์ และธุรกิจการบริหารจัดการด้านพลังงาน สําหรับ Smart Community และ Smart City ,ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระบบสายส่ง สถานีไฟฟ้าแรงสูง ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า และ ระบบไฟฟ้าใต้ดิน ระบบไฟฟ้าเหนือดิน และธุรกิจด้านผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า แรงดันกลาง และแรงดันสูง เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ใช้ไฟและการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ ยังสนใจและอยู่ระหว่างศึกษาเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจ กัญชง หรือ กัญชา เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างจุดแข็งให้กลุ่มบริษัทฯ และสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางธุรกิจ จากข้อได้เปรียบด้วยพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ ที่พร้อมสำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีไว้สำหรับการเพาะปลูกรวมถึงนวัตกรรมในระบบการเกษตร โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ สำหรับใช้ในระบบควบคุมแสงและอุณหภูมิในโรงเรือนปิดทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำ รวมถึงวางแผนลงทุนทำโรงสกัด CBD บริสุทธิ์ 99% ที่มีกำลังผลิต 1 ตัน ต่อวันอีกด้วย
โดยวางแผนจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศต่อไป การทำงานร่วมกันในการดำเนินงานจากการจัดหาพลังงานหมุนเวียนของบริษัทสำหรับการทำสวนในโรงเรือนพร้อมที่จะเติมเชื้อเพลิง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องพร้อมให้บริการ