เปิดแฟ้ม บจ.! กลุ่ม “สินค้าอุปโภคบริโภค” คงกำไรปี 63 ด้าน 9 หมวดธุรกิจผลงานดี-เจาะหุ้นปัง
เปิดแฟ้ม บจ.! กลุ่ม "สินค้าอุปโภคบริโภค" คงกำไรปี 63 โตกว่า 4 เท่า ด้าน 9 หมวดธุรกิจโชว์ผลงานดี เจาะลึกหุ้นปังกำไรเลิศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ออกมาจำนวน 718 บริษัท คิดเป็น 96.2% จากทั้งหมด 746 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และบจ.ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานปี 2563 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563 พบว่า มีบจ.รายงานกำไรสุทธิ 509 บริษัท คิดเป็น 70.9% ของบจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ขณะที่ผลการดำเนินงานโดยรวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2563 มีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 420,836 ล้านบาท ลดลง 52.98% เมื่อเทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 894,946 ล้านบาท จากผลการแพร่ระบาดของCOVID-19 และราคาน้ำมันที่ลดลงแรง
เมื่อเข้าไปสำรวจรายละเอียดของ บจ. แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจ จากข้อมูลสรุปผลประกอบการตามกลุ่มอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม ของ 24 หมวดธุรกิจนั้น พบว่ามีเพียงกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวที่สามารถทำกำไรสุทธิแข็งแกร่งในปี 2563 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 นั่นก็คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รายงานกำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 17,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 473.94% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,999 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อแยกย่อยสู่หมวดธุรกิจในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังคงทำกำไรสุทธิได้แกร่งกว่ากลุ่มธุรกิจอื่นจากทั้งหมด 8 กลุ่มธุรกิจ มีหมวดธุรกิจที่เติบโตโดดเด่น นำโดยหมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 15,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,192.79% จากงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,212 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ APCO, S & J, STGT, TNR ขณะที่บริษัทที่พลิกมีกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ ได้แก่ DDD, STHAI
ต่อมาเป็นหมวดของใช้ครัวเรือนและสำนักงาน เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 449.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 201 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิขยับขึ้นมาจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ DTCI, MODERN, SIAM, TSR ขณะที่บริษัทที่พลิกมีกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ ได้แก่ L&E
นอกเหนือจากหมวดธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ก็ยังมีหมวดอื่นอีกที่สามารถทำกำไรเติบโตแข็งแกร่งในปี 2563 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 แม้ว่าภาพรวมของกลุ่มธุรกิจทั้งอีก 7 กลุ่มธุรกิจที่มีกำไรสุทธิลดลง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิก็ตาม แต่บางหมวดธุรกิจกลับทำกำไรเติบโตได้ดีจากปีก่อนตรงข้างจากกลุ่มหลักของธุรกิจ
สำหรับในหมวดธุรกิจที่กำไรสุทธิเติบโตแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างหมวดธุรกิจการเกษตร เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,716.84% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 251 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ GFPT, LEE, NER, TWPC, UVAN และบริษัทที่พลิกมีกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ ได้แก่ UPOIC
ตามมาด้วยหมวดวัสดุอุตสาหกรรม-เครื่องจักร เนื่องจากในปี 2563 พลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,963 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 162 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ ASEFA, CTW, HTECH, STARK
หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 863 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ UTP
หมวดบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.78% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรอยู่ที่ 9,965 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ AJ, ALUCON, BGC, SCGP, SFLEX, SMPC, SPACK, TCOAT, THIP, TOPP และบริษัทที่พลิกมีกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ ได้แก่ TFI, TPBI
หมวดเหล็ก เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 245 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ BSBM, MCS, PAP, TMT และบริษัทที่พลิกมีกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ ได้แก่CEN, CSP, PERM, TSTH
หมวดวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 48,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43,814 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ CCP, COTTO, DCC, SCC, SCCC, SKN, TASCO, TPIPL, WIIK
หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากในปี 2563 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 11,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,123 ล้านบาท ซึ่งในหมวดนี้พบว่ามีหุ้นทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ ได้แก่ DELTA, HANA, KCE, SVI และบริษัทที่พลิกมีกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ ได้แก่ METCO, SMT