BGRIM ปักธง EBITDA ปีนี้โต 30% ลุยลงทุนใน-ตปท. หนุนปี 68 กำลังผลิตเข้าเป้า 7.2 พันเมกฯ

BGRIM ปักธง EBITDA ปีนี้โต 30% ลุยลงทุนในปท.-ตปท. หนุนปี 68 กำลังผลิตเข้าเป้า 7.2 พันเมกฯ


นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM นำเสนอข้อมูลผลประกอบการงวดปี 2563 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ ว่า คาดในปี 2564 บริษัทมีโอกาสที่จะสามารถนำเข้าก๊าซธรรมชาติได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติลดลง และสามารถขยายฐานลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทยังคงเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้เป็น 7,200 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 3,700 เมกะวัตต์ ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 3,058 เมกะวัตต์

ด้าน นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส-การเงินและบัญชี BGRIM เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเข้าซื้อโรงไฟฟ้า SPP ในประเทศเข้ามาเพิ่มเติม โดยวางแผนจะเข้าซื้อรวมกันไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ทั้งในรูปแบบประมูลสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ และการควบรวมซื้อกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ และคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดในปีนี้จะปรับตัวลงราว 6-8%

นอกจากนี้วางเป้าหมายอัตรากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มเป็น 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 29.5% โดยจะมีปัจจัยหนุนมาจากการ COD โรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เช่น โครงการกังหันลม 2 โครงการ กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ โครงการโซลาร์ รูฟท็อป กำลังการผลิต 15-20 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ ฟาร์ม อู่ตะเภา กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการ COD แล้ว 3,058 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ในสัดส่วน 69.5% ซึ่งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสำคัญเป็นจุดยุทธศาสตร์การเติบโตของพลังงาน เนื่องจากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีก 28.5% เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังงานจากกากอุตสาหกรรม

นอกจากนี้บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเกาหลีใต้ ส่วนโรงไฟฟ้าในประเทศมาเลเซียปัจจุบันกำลังเจรจาในขั้นตอนสุด้ทาย ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ (Gas to Power) ที่ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังผลิตโรงละ 2,000-3,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นประมาณ 2-3 โครงการ ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะมีความชัดเจนของโครงการดังกล่าว

Back to top button