ZEN ลุยขยายสาขาบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น พร้อมรุกหนักเดลิเวอรี่ มั่นใจผลงานปีนี้ฟื้นโตแกร่ง
ZEN ลุยขยายสาขาบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น พร้อมรุกหนักเดลิเวอรี่ มั่นใจผลงานปีนี้ฟื้นโตแกร่ง
นายสตีเว่น ฮอร์ลิเดร์ กรรมการ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมขยายสาขาร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นภายใต้ แบรนด์ ZEN ในเฟส 2 และ 3 อย่างต่อเนื่อง หลังจากในเฟสแรก 16 สาขาได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยยอดขายในแต่ละสาขาเพิ่มสูงถึง 50%
ทั้งนี้ แม้ว่าอาหารบุฟเฟต์จะมีต้นทุนที่สูง แต่ทางบริษัทได้มีแผนการเจรจาต่อรองเพื่อลดต้นทุนด้านต่าง ๆ ลงมา รวมไปถึงมีการบริหารจัดการค่าเช่าและทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์สามารถสร้างรายได้ที่ดีให้กับทางบริษัท นอกจากนั้แล้ว กระแสการให้บริการแบบบุฟเฟต์ยังทำให้ผู้บริโภคหันกลับมาสนใจในตัว ZEN มากขึ้น แม้แต่สาขาที่ไม่ได้เปิดให้บริการบุฟเฟต์นั้นก็มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น 20% เช่นเดียวกัน
ขณะที่บริษัทวางแผนงานในปี 64 จะขยายสาขาให้ถึง 70-100 สาขา ส่วนใหญ่เป็นร้านเขียง, ตำมั่ว และ On the Table พร้อมทั้งวางแผนเปิดแฟรนไชส์ร้านปิ้งย่าง AKA ยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยในปีนี้จะเปิดแฟรนไชส์ AKA ในต่างจังหวัดเป็นแห่งแรกคาดว่าจะเห็นความชัดเจนปลายปีนี้ ขณะที่ร้าน Zen ปัจจุบันมีทั้งหมด 45 สาขา จะปรับรูปแบบเป็นบุฟเฟ่ต์มากขึ้น และธุรกิจแฟรนไชส์อื่น ๆ ก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยมีผู้ให้ความสนใจเปิดร้านแฟรนไชส์มากกว่า 30 รายติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทยังมั่นใจยอดขายในแต่ละสาขาเดิม (SSSG) จะเติบโตไม่น้อยกว่า 30% แม้ว่าในช่วงเดือน ม.ค.จะยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ระลอกใหม่ แต่ในเดือน ก.พ.และ มี.ค.เริ่มมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และแนวโน้มไตรมาส 2/64 จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากไม่มีมาตรการล็อคดาวน์
พร้อมกันนั้น บริษัทจะเน้นขยายช่องทางเดลิเวอรี่ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเดลิเวอรี่ให้มากกว่า 10% จากรายได้ทั้งหมด จากปีที่แล้วอยู่ที่ 9.1% โดยในช่วงไตรมาส 1/64 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการบริการเดลิเวอรี่อยู่ที่ 65 ล้านบาท ซึ่งจะมีการลดต้นทุนโดยการเจรจาต่อรองกับพันธมิตรเพื่อลดค่าธรรมเนียม จากปัจจุบันที่มี Grab, Gojek, Food Panda และ Lineman และในช่วงปลายปีที่แล้วได้ขยายช่องทางการจัดส่งใหม่เพิ่มกับทาง Robinhood เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับการขายสินค้าปลีก ซึ่งจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับพันธมิตร คาดว่าจะวางจำหน่ายได้ภายในปีนี้ และวางแผนเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับทางบริษัท โดยในปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายที่ แมคโคร โลตัส บิ๊กซี และท้อปส์ โดยในไตรมาส 1/64 ตั้งเป้ายอดขายสินค้าปลีกอยู่ที่ 15 ล้านบาท
ด้าน นางยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจการเงินและบัญชี ZEN กล่าวอีกว่า ทางบริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์ในปีนี้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ผ่านสถานการณ์ที่เป็นจุดต่ำสุดมาแล้วในปี 63 ประกอบกับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนในปีนี้ รวมถึงที่ผ่านมาทางบริษัทปรับตัวผ่านสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง มีการปรับการขายให้เข้ากับยุค New normal ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญในช่องทางเดลิเวอรี่ การออกผลิตภัณฑ์สินค้าปลีกใหม่ ๆ อีกทั้งยังมีการจัดโปรโมชั่นดึงดูดความสนใจผู้บริโภคด้วยการให้บริการแบบบุฟเฟต์ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดี และทางบริษัทยังคงวางแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์ยังคงมีความแข็งแกร่ง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้ 2,333 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 62 ลดลง 26% ขณะที่มีผลขาดทุน 64 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 106 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งสัดส่วนของรายได้จะแบ่งเป็นรายได้จากร้านอาหาร 78.1% รายได้จากการขนส่งเดลิเวอรี่ 9.1% รายได้จากธุรกิจแฟรนไชนส์ 8.5% รายได้จากการขายสินค้าปลีก 2.1% และรายได้อื่น ๆ 2.1%