S ผงาดลุยพลังงานทดแทน! ทุ่ม 1.4 พันลบ. ซื้อหุ้น 3 โรงไฟฟ้า กำลังผลิตกว่า 400MW

S ผงาดลุยพลังงานทดแทน! ทุ่ม 1.4 พันลบ. ซื้อหุ้น 3 โรงไฟฟ้า กำลังผลิตกว่า 400MW


บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 ได้มีมติอนุมัติเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 ของบริษัทฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัท เอส.ไอเอฟ. จำกัด (S.IF.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และบริษัทฯ จะถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่ออก และจำหน่ายแล้วทั้งหมด เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ปาร์ค อินดัสตรี จำกัด (PIC) จำนวน 5,000,000 หุ้น จากทั้งหมด 5,000,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จากบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด (บุญรอด) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ

โดย PIC เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินขนาดประมาณ 1,790.56ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลหลักฟ้า และตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมตามประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 27เมษายน พ.ศ. 2563 โดยกำหนดมูลค่าชำระราคาค่าหุ้นสามัญเป็นเงินจำนวนประมาณ 510.00 ล้านบาท ซึ่งแบ่งชำระตามข้อกำหนดการชำระเงิน (Milestone Payment)

นอกจากนี้ PIC ยังมีเงินที่กู้ยืมจากบุญรอดซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 640.00 ล้านบาท (ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมที่มีก่อนการเข้าทารายการ)ซึ่งจะมีการผ่อนชำระ โดยบริษัทฯ คาดว่าจะชำระเงินทั้งสองส่วนให้แก่บุญรอดครบถ้วนภายในเดือนธันวาคมปี 2570โดยการแบ่งชำระเงินดังกล่าวที่ต้องชำระให้แก่บุญรอดจะมีต้นทุนทางการเงินเกิดขึ้นคิดเป็นเงินจำนวนสูงสุดไม่เกิน 185.44 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะชำระครบถ้วนภายในเดือนธันวาคมปี 2570 นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ จะต้องใช้งบลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าวภายหลังการซื้อหุ้นแล้วเสร็จเป็นเงินจำนวนประมาณ 1,725.72 ล้านบาท รวมมูลค่าการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ PIC และการพัฒนาโครงการทั้งหมดประมาณ 2,421.16 ล้านบาท (ธุรกรรมการลงทุนใน PIC)

อีกทั้ง มีมติให้ S.IF. ซื้อหุ้นสามัญบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด (ATP) หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.00 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดจาก Whitefords United Pte. Ltd. (Whitefords) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายประเทศสิงคโปร์ และมีบุญรอด (ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ) เป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 50.00 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วทั้งหมด

โดย ATP เป็นผู้ประกอบธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม และไอน้ำที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) อายุสัญญา 25 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (COD) โดยได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ด้วยกำลังการผลิตอยู่ที่ 123 เมกะวัตต์ โดยกำหนดมูลค่าในการชำระราคาค่าหุ้นจากการเข้าทำรายการเป็นเงินจำนวนประมาณ 557.01 ล้านบาท

อีกทั้ง S.IF. จะเข้าซื้อสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ บนมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30.00 ใน 2 โรงไฟฟ้า ได้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด (BGPR 1) โดย BGPR 1 มีทุนจดทะเบียนจำนวน 10.00 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ซึ่ง BGPR 1 ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT อายุสัญญา 25 ปี ซึ่งมีวันกำหนดเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (SCOD) ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2566 โดยจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่โรงงานละ 140 เมกะวัตต์

อีกทั้ง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด (BGPR 2) โดย BGPR 2 มีทุนจดทะเบียน จำนวน 10.00 ล้านบาทโดยมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ซึ่ง BGPR 2 ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT อายุสัญญา 25 ปี ซึ่งมีวันกำหนดเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (SCOD) ณ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566 โดยเป็นการซื้อจาก Prime Harvestment Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (Prime Harvestment) โดยจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่โรงงานละ 140 เมกะวัตต์

โดยมีการกำหนดมูลค่าในการชำระราคาค่า Option ของ BGPR 1และ BGPR 2ในสัดส่วนร้อยละ 30.00 เป็นเงินจำนวนรวมประมาณ 15.00 ล้านบาท และกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าจะต้องมีการชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นในราคาใช้สิทธิ (Exercise Price) ซึ่งเท่ากับมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) หุ้นละ 100 บาท ให้แก่ BGPR 1 และ BGPR 2 เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการเป็นเงินจำนวนรวมประมาณ 820.07 ล้านบาท ภายหลังจากการใช้สิทธิตามสัญญา Option ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิสิ้นสุดวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564รวมมูลค่าในการเข้าทำรายการประมาณ 835.07 ล้านบาท (รวมเรียกว่า ธุรกรรมการลงทุนใน BGPR)

ด้านการพิจารณาความเหมาะสมของการเข้าทำรายการในครั้งนี้ บริษัท อวานการ์ด แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้วิเคราะห์วัตถุประสงค์ของการเข้าทำรายการ ความสามารถในการดำเนินงานของ PIC ATP และ BGPR 1 และ BGPR 2 นโยบายในการดำเนินงานในปัจจุบันและอนาคต

รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะของธุรกิจการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการวิเคราะห์
ความสมเหตุสมผลของการเข้าทำรายการ ซึ่งสรุปได้ว่าการเข้าทำรายการดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ ในการทำธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม การส่งเสริมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนา ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเปิดโอกาสการสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน สร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น ยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจและองค์กร ตลอดจนการกระจายความเสี่ยง (Diversify Risk) จากแหล่งที่มาของรายได้ของบริษัทฯ ดังนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงมีความเห็นว่าการเข้าทำรายการครั้งนี้ มีความสมเหตุสมผล

 

 

 

 

Back to top button