SUPER ย้ำเป้ารายได้แตะ 1 หมื่นล้าน รับรู้ “โซลาร์ฯ เวียดนาม” เต็มปี-จ่อ COD พลังงานขยะ
SUPER ย้ำเป้ารายได้แตะ 1 หมื่นล้าน รับรู้ “โซลาร์ฯ เวียดนาม” เต็มปี-จ่อ COD พลังงานขยะ
นาย จอมทรัพย์ โลจายะ รองประธานคณะกรรมการและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER นำเสนอข้อมูลผลประกอบการงวดปี 2563 และแนวโน้มผลประกอบการปี 2564 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2564 แตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2562 มีรายได้ 7.07 พันล้านบาท ทั้งนี้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) จำนวน 550 เมกะวัตต์ (MW) ในประเทศเวียดนามที่ได้มีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ปลายปี 2563
ขณะที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการในจ.หนองคาย คาดการณ์ว่าจะสามารถ COD ได้ปลายปี 2564 อีกทั้งจะมีการก่อสร้างโครงการในจ.นนทบุรี จ.นครศรีธรรมราช และจ. เพชรบุรี โดยภายหลังจากการก่อสร้างและ COD บริษัทฯจะมีสัดส่วนรายได้จากพลังงานขยะจะคิดเป็นสัดส่วน 20-25% ของรายได้
ด้านพลังงานลมในเวียดนาม 421MW ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทั้งหมด 4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบนบก 2 โครงการ และในทะเล 2 โครงการ ซึ่งภายหลังจากการ COD คาดการณ์ว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เข้ามาเพิ่มทั้งหมด 3-3.5 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต
“เป้าหมายของบริษัทฯ ยังคงเหมือนเดิม ยังคงเน้นขยายธุรกิจจากพลังงานทดแทนเป็นหลัก โดยบริษัทฯ มีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว ทั้งกับรัฐบาลเวียดนาม และรัฐบาลประเทศไทย ซึ่งรายได้ค่อนข้างมั่นคง เนื่องจากเป็นธุรกิจสัมปทาน ส่วนในแง่ของการลงทุนกับการขยายธุรกิจใหม่ๆ มองยังไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปลงทุนธุรกิจอื่น โดยจะยังคงเติบโตไปกับเมกะเทรนต์เรื่องของพลังงานสะอาดที่ยังคงเป็นที่ต้องการสูง ซึ่งทำให้บริษัทยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก” นาย จอมทรัพย์ กล่าว
ด้าน คุณกุลชลี นันทสุขเกษม ที่ปรึกษาทางการเงิน SUPER ระบุถึงผลประกอบการประจำปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2562 โดยมีรายได้ 6,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งมีรายได้ 6,246 ล้านบาท มาจากการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโซลาร์เวียดนามที่ส่งผลให้รายได้เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ Gross Profit อยู่ที่ 3,311 ล้านบาท คิดเป็น 51% ถือว่าค่อนข้างทรงตัวจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 668 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายจากพนักงานที่เวียดนามเพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวของโครงการที่จ.สระแก้ว จากสาเหตุน้ำท่วมหนักส่งผลให้มีการบันทึกค่าเสียหาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเรียกขอเงินจากบริษัทฯ ประกันภัย
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทฯใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯจะ COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) ในประเทศเพิ่มหลังมีการลงนามใน SPP Hybrid จำนวน 16MW ส่งผลให้ในปี 2565 จะมีกำลังการผลิตรวมจากในประเทศ 697.6MW
ขณะที่โซลาร์เวียดนามในปัจจุบันอยู่ที่ 836.72MW และปี 2564 จะรับรู้รายได้จากการขายไฟเต็มปีที่ได้มีการ COD ไปจำนวน 550MW ในช่วงปลายปี 2563 ส่งผลให้สัดส่วนโซลาร์รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งหมดแตะระดับ 1,534.32MW ในปี 2565
ด้านการผลิตพลังงานจากขยะ (Waste to Energy) WTE ปี 2565 จะ COD โครงการหนองคายเพิ่มจำนวน 6MW ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่งผลให้จำนวนกำลังการผลิตรวมเป็น 24MW ในปี 2565 และปี 2566 จะมีการ COD โครงการจ.นนทบุรีอีก 16MW รวมกำลังการผลิตทั้งหมด 40MW
ขณะที่ธุรกิจพลังงานลมในเวียดนาม 4 โครงการทั้งหมด 421MW คาดว่าจะสามารถ COD เข้ามาในปี 2564 โดยจะส่งผลให้สัดส่วนของพลังงานทดแทนทั้งหมดในปี 2564 จำนวน 1,736.44MW และปี 2565 ที่ระดับ 1,756.64MW และกำลังการผลิตแตะระดับ 1,772.46MW ภายในปี 2566