เปิดใจ “ซีเอฟโอ” SABINA หลังคว้ารางวัล Best CFO Award 2020
เปิดใจ “ซีเอฟโอ” SABINA หลังคว้ารางวัล Best CFO Award 2020
เป็นประจำทุกปีที่สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA : Investment Analysts Association) จะจัดพิธีมอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านต่างๆ ให้กับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยในปีนี้การมอบรางวัลแบ่งออกเป็น 9 กลุ่มอุตสาหกรรม และ “สมคิด ผดุงเกียรติศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO : Chief Financial Officer) บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลในฐานะ Best CFO กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค จากงาน IAA Awards for Listed Companies 2020
รางวัลดังกล่าวจะมอบให้แก่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น รวมทั้งมีการนำเสนอและให้ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอในเชิงลึก ตรงประเด็น มีคุณภาพ ชัดเจน และถูกต้องครบถ้วน จนได้รับการเสนอชื่อและได้รับคะแนนจากนักวิเคราะห์การลงทุนและผู้จัดการกองทุนต่างๆ
แน่นอนว่า การได้รับความไว้วางใจจากนักวิเคราะห์ที่ร่วมกันโหวต จนทำให้ “สมคิด” ได้รับรางวัลนี้ ย่อมมีเบื้องหลังที่มีความพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทุกอุตสาหกรรมต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
“ที่จริง ผมต้องขอบคุณนักวิเคราะห์การลงทุนและผู้จัดการกองทุนที่โหวตให้ผมได้รับรางวัลนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมา SABINA ได้รับความสนใจจากนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดงาน Analyst Meeting เพื่อให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์ หรือการให้ข้อมูลผ่านกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เราก็จะได้รับความสนใจจากนักวิเคราะห์เสมอ
ส่วนหนึ่งผมคิดว่า เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างธุรกิจของ SABINA ที่ชัดเจนขึ้นมากๆ ตั้งแต่ปี 2561 หรือปี 2018 ที่เราเริ่มรุกตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง ทำให้โครงสร้างรายได้ของเราเปลี่ยนไป เราทำตลาดช่องทางออนไลน์ที่เราเรียกว่า NSR (Non Store Retailing) มากขึ้น และมันประสบความสำเร็จ เพราะไม่ใช่แค่มันสอดคล้องกับพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทำให้เราขายของได้ดีเท่านั้น แต่ยังทำให้โครงสร้างรายได้ ค่าใช้จ่าย ต้นทุนขายของ SABINA เปลี่ยนไปในทางที่แข็งแกร่งขึ้น มีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ได้ดีขึ้น ผมว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ” นายสมคิด กล่าว
จนกระทั่งต้นปี 2563 หรือปี 2020 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบอย่างหนักในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ SABINA ซึ่งมีรายได้จากช่องทางค้าปลีก (Retail) ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซาบีน่า ช็อป หลังจากรัฐบาลประกาศปิดห้างสรรพสินค้าในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 ผลกระทบกับรายได้ยอดขายจึงเกิดขึ้นแบบเต็มๆ
“ตอนนั้นหนักมาก ในฐานะซีเอฟโอ สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานั้นคือ การบริหารจัดการสภาพคล่อง เรารู้แล้วว่า รายได้จากช่องทางหลักต้องหายไป แม้ว่า SABINA จะโชคดีที่เรามีช่องทางขายออนไลน์ แต่สัดส่วนรายได้จากออนไลน์ก็ยังไม่ได้มากพอที่จะโอบอุ้มองค์กรไว้ได้ ดังนั้น โจทย์สำคัญอยู่ที่จะทำอย่างไรให้รายได้ที่ยังพอมีเข้ามาสัมพันธ์กันกับรายจ่าย เราต้องจัดทำกระแสเงินสดไหลเข้าออก ต้องดูกันแบบวันต่อวัน แล้วต้องประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้อย่างแม่นยำที่สุด เพราะตอนนั้นบางกระแสก็บอกว่า โควิดจะอยู่กับเราเต็มที่ก็ 6 เดือน แต่เอาเข้าจริง ถึงตอนนี้โควิดก็ยังไม่ไปไหน ช่วงนั้นนักวิเคราะห์โทรหาเราตลอด เราก็ต้องอัพเดทสถานการณ์ให้เขาทราบตลอดเหมือนกัน”
สำหรับจุดเด่นที่สุดของ SABINA ที่ทำให้บริษัทฯ ยังคงรักษากำไรสุทธิไว้ได้ ในภาวะที่ยากลำบากที่สุด เพราะความยืดหยุ่นในการทำงานและความรวดเร็วในการปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์
“ในขณะที่ผมเป็นหลังบ้านคอยดูแลเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายให้สัมพันธ์กับรายได้ ทีมการตลาดทีมขายซึ่งเป็นหน้าบ้านก็พยายามมองหาโอกาสใหม่ๆ ในวิกฤติที่เกิดขึ้น ยิ่งเมื่อผู้บริหารสูงสุดขององค์กรตัดสินใจได้เร็ว มันทำให้แคมเปญต่างๆ เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง เราจึงมีช่องทางในการสร้างรายได้ ทีมผลิตก็เข้าใจสถานการณ์ว่าบางอย่างต้องเร็ว บางอย่างต้องปรับ บางอย่างต้องเปลี่ยน ผมว่านี่เป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้องค์กรมันขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง ไม่ใช่แค่จะหวังทำกำไรสูงสุดอย่างเดียว เพราะถ้าโครงสร้างการเงินมันไม่ได้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน ผมว่าอันนั้นมันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก” นายสมคิด กล่าว