PLANB ลุ้นโกยกำไรปี 64 โตทะลัก 200% รับธุรกิจสื่อฯฟื้น
PLANB ลุ้นโกยกำไรปี 64 โตทะลัก 200% รับธุรกิจสื่อฯฟื้น
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ราคาเป้าหมาย 9.75 บาท/หุ้น โดยมองว่าโครงสร้างลูกค้า top 5 นั้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของการบริโภคมากที่สุด โดยเฉพาะการมีแบรนด์สินค้าเทคโนโลยีจำนวนมาก
ขณะที่ PLANB เป็นบริษัทที่มี Pent-up demand รออยู่ในเดือน ก.ค. กับหน่วยธุรกิจ Engagement marketing จากมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 และ ฟุตบอลไทยลีค 21/22 ยิ่งไปกว่านั้น PLANB กำลังเริ่มกอบโกยจากธุรกิจใหม่ให้บริหารสื่อในร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ 7-eleven อีกด้วย
โดยมองว่ากำไรปีนี้จะฟื้นแรง +228.9% จากปีก่อน โดยไตรมาส 1/64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีจาก COVID-19 รอบ 2 จากนั้นจะวิ่งยาวไปจบสิ้นปีไปพร้อมไปกับการมี Winning mindset กล้าขยายกำลังการให้บริการ 36.7% ในช่วงปียากลำบาก โดยมองไปข้างหน้าใช้การประเมินแบบ DCF (WACC 10.1% g 3.0%) เพื่อทอนผลกระทบระหว่างฟื้นตัวปี 2564-65 ได้ราคาเหมาะสม 9.75 บาท/ หุ้น
สำหรับ 3 เหตุผลที่จะทำให้ PLANB ฟื้นเร็วที่สุดในกลุ่มนั้น เนื่องจาก (1) โครงสร้างลูกค้า 5 กลุ่มหลัก หรือ 80.9% ของรายได้สื่อฯ ล้วนเป็นกลุ่มที่พร้อมฟื้นตัวแรง โดยเฉพาะแบรนด์ สินค้าเทคโนโลยี และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วนอย่างมีนัยสำคัญจาก 4.5% ในปี 2562 เป็น 17.6% แล้วในปี 2563 ขณะที่ กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม (24.7%) ยานยนต์ (19.1%) อุปโภคบริโภค (11.5%) และ สถาบันการเงิน-ประกัน (8.6%) ก็เป็นกลุ่มที่พร้อมเช่นกัน
(2) Pent-up demand กำลังจะพุ่งเข้าหา เนื่องจาก PLANB เป็นหุ้นตัวเดียวที่มีธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement marketing) ซึ่งในเดือน ก.ค. 2564 จะเริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการบริหารสื่อโฆษณา กีฬาโอลิมปิก 2020 ในไทย และ ไทยพรีเมียลีก ฤดูกาล 21/22 ซึ่งเหล่านี้ จะมีสัดส่วนรายได้ราว 10.9% ของรายได้รวม
(3) หน่วยธุรกิจใหม่ สื่อในร้าน 7-eleven จะเริ่มเก็บเกี่ยวรายได้ 1,000 สาขาแรกเต็มปีนี้ บนอัตราการใช้สื่อระดับสูง 70-80% และอีก 500 สาขาใหม่ใน 1H64 ทำให้สื่อในห้างร้าน จะขยายตัว +182% เทียบกับปีก่อน และเพิ่มสัดส่วนจาก 6.7% เป็น 13.8% ของรายได้รวม
อย่างไรก็ดี คาดว่าปี 2564 PLANB จะแสดงกำไรสุทธิแบบ V-shape ที่ 462 ล้านบาท +228.9% จากปีก่อน โดยไตรมาส 1/64 จะอ่อนตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ลงมาจากการแพร่ระบาดระยะ 2 ทำให้ลูกค้าชะลอการใช่สื่อไป 2 เดือน จากนั้นกำไรจะไต่ขึ้นไปเร่งตัวแรงในไตรมาส 3/64 จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม พร้อมๆกับรายได้จาก Engagement mkt. ที่เข้ามาเต็มที่ โดยประเมินแบบอนุรักษ์นิยมที่อัตราใช้สื่อ 54.4% (vs เป้าบริษัท 60-65%) ขณะที่ประมาณการรายได้ที่ 5.0 พันล้านบาท (vs เป้าบริษัท 5-5.4 พันล้านบาท)